ศรีสะเกษ- ผู้จัดการ ธ.กรุงไทยเข้าแจ้งความกรณีโจรบุกงัดตู้เอทีเอ็มฉกเงินร่วม 5 ล้าน ขณะ ตร.ตรวจยิบภาพกล้องวงจรปิดหาเบาะแส เผยการสอบสวนมีความคืบหน้ามากมั่นใจสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้ ชี้คนในสมรู้ร่วมคิดโจรกรรมเงินก้อนโตในตู้ ATM ช่วงหยุดยาว 3 วัน
วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีคนร้ายงัดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ตั้งอยู่ข้างที่ว่าการอำเภอเบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลางดึกวันที่ 4 พ.ค. ได้เงินไป 4.9 ล้านบาทนั้น ล่าสุด ที่ สภ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.วัชรพงษ์ ทองมนต์ พนักงานสอบสวน ชำนาญการพิเศษ เจ้าของคดี ได้ทำการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์บริเวณตู้เอทีเอ็ม โดยเฉพาะในช่วงที่มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ของธนาคารมาทำการซ่อมบำรุงตู้เอทีเอ็ม ช่วงเวลา 17.00-20.00 น.ของวันที่ 3 พ.ค. เนื่องจากตู้เอทีเอ็มขัดข้องใช้การไม่ได้ ซึ่งทำให้ได้เบาะแสข้อมูลมัดตัวคนร้ายมากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายจิตติชัย สุวิชา ผู้จัดการธนาคาร กรุงไทย จำกัด สาขา กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลรับผิดชอบตู้เอทีเอ็มในเขต อ.เบญจลักษณ์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อคนร้ายซึ่งคาดว่ามีไม่น้อยกว่า 2 คนร่วมกันโจรกรรมเงินของธนาคารในครั้งนี้
จากนั้น พ.ต.อ.วิเชียร สุขศิริ ผกก.สส.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ ตำรวจ สภ.เบญจลักษ์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกรุงไทย จากสำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกันตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งเอาไว้บริเวณตู้เอทีเอ็มอย่างละเอียด โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีประชาชนเข้ามาใช้บริการเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มหลายราย และมีภาพของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลตู้เอทีเอ็มเข้ามาทำการซ่อมแซมแก้ไขตู้เอทีเอ็มด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบเบาะแสคนร้ายเพิ่มเติมมากขึ้น
พ.ต.อ.วิเชียร สุขศิริ ผกก.สส.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ ได้ติดตามความคืบหน้าของการสืบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้จับกุมคนร้ายให้ได้ ซึ่งผลการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากและได้เบาะแสคนร้ายค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยรอเพียงหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบถ้วนแล้วจะสามารถออกหมายจับคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้มีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของตู้เอทีเอ็มดีมาก รวมทั้งรู้ระบบป้องกันภัยของตู้เอทีเอ็มเป็นอย่างดีด้วย
“คาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้อาจมีคนภายในของธนาคารกรุงไทยสมรู้ร่วมคิดด้วย จึงรู้ว่ามีการนำเอาเงินจำนวน 5 ล้านบาทมาใส่ไว้ในตู้เอทีเอ็มในเวลา 13.00 น.ของวันที่ 3 พ.ค. เพื่อไว้บริการประชาชนในช่วงที่จะมีการหยุดยาว 3 วันติดต่อกัน จึงสามารถโจรกรรมเงินไปได้จำนวนมากถึง 4.9 ล้านบาท ซึ่งอีกไม่นานจะสามารถจับคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน” พ.ต.อ.วิเชียรกล่าว
