ฉะเชิงเทรา - เจ้าของโรงบดแยกถ่านหิน ในอำเภอบางปะกง โอดครวญหลังถูกม็อบมวลชน พร้อมหน่วยงานรัฐรุมโจมตี โดยเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาด้วยดีโดยตลอด
วันนี้ (2 พ.ค.) นายสุรศักดิ์ อุดมศิลป์ ประธานกรรมการบริหาร (PRESIDENT) บริษัทโอเวอร์ซีส์ คาร์บอน ไรเซอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 117/1 ม.11 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวหลังจากที่ได้นำพาคณะสื่อมวลชนเข้าไปพิสูจน์หาข้อเท็จจริงภายในโรงงานบดแยกถ่านหินของทางบริษัทฯ หลังจากที่ได้เคยถูกชาวบ้านร้องเรียนไปยังหน่วยงานงานราชการต่างๆ รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า เป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่าความเดือดร้อนจริงที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากหลังการตรวจสอบแล้วกลับพบว่า ผู้ร้องไม่ใช่คนในพื้นที่และไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับโรงงานของตนที่ตั้งอยู่จริง
ประกอบกับผลิตภัณฑ์ถ่านหิน “แอนทราไซต์” ที่ตนเองทำอยู่นี้มีเพียงไม่กี่รายที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาจากประเทศต้นทาง และไม่ใช่ถ่านหินที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใดเนื่องจาก “แอนทราไซต์” เป็นถ่านหินชนิดที่มีคุณภาพดีที่สุด มีเนื้อแข็งเป็นมันวาวเพราะมีค่าความบริสุทธิ์ของคาร์บอนสูง ไม่ใช่ถ่านหินลิกไนต์ที่พบกันทางภาคเหนือในบ้านเรา และไม่ใช่แบบเดียวกันกับถ่านหินบิทูมินัสที่มีผู้นำเข้ารายอื่นๆ
นำเข้ามาเพื่อเป็นเชื้อเพลิงจากประเทศอินโดนีเซีย
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ถ่านหินของเราที่นำเข้ามาบดแยกขายเป็นถ่านหินที่นำเข้ามาเพื่อใช้สำหรับทำไส้กรองน้ำที่ใช้เป็นคาร์บอนในกระบวนการกรองน้ำประปาทั่วไป ทั้งโรงกรองน้ำของการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ก็ต่างนำถ่านคาร์บอนแอนทราไซต์ไปใช้กัน รวมถึงยังเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก จึงไม่มีอันตราย หรือมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตรอบข้างแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการร้องเรียนฝุ่นละอองที่จะเกิดขึ้นจากการบดก้อนถ่านนั้น ทางโรงงานได้ทำการปรับปรุงโรงเรือน และเครื่องดักกรองเพื่อเก็บฝุ่นผงที่เกิดขึ้นจากการบดไม่ให้ปลิวลอยออกไปรบกวนใครได้อีก
สำหรับฝุ่นผงของถ่านแอนทราไซต์เหล่านี้ ยังถือว่าเป็นของมีค่าที่สามารถส่งขายไปให้แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องได้อีก ทั้งโรงงานผลิตขวดแก้วสีชา ที่จะนำเอาไปเป็นส่วนผสมในเนื้อขวด เช่น ขวดบรรจุเครื่องดื่มชูกำลัง ขวดยาบางชนิด และขวดเบียร์ โรงงานปูนขาว และปูนซีเมนต์ รวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กที่จะนำไปเป็นส่วนผสมของเม็ดเกรนในเนื้อเหล็กให้มีค่าความแข็งที่สูงขึ้นจากคาร์บอนได้ หากเราจะสามารถจัดเก็บฝุ่นผงเหล่านี้ให้ได้หมดทุกอณูเราก็จะทำ เพราะถือว่าเป็นของมีค่าทั้งนั้นที่จะขายได้ถึงตันละ 1 หมื่นบาท และเราจะอยู่ร่วมกับชุมชนให้ได้ต่อไป “ถึงจะค้าของดำ แต่เป็นของดีที่มีค่า เพราะทุกผงธุลีส่วนย่อยทุกอณูล้วนขายได้”
ด้านนายสมศักดิ์ แสงอรุณ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.16 ต.บางปะกง ครูชำนาญการ (ระดับ 7) โรงเรียนวัดพิมพาวาส ซึ่งมีบ้านพักอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามกับโรงงานดังกล่าว กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนในโรงงานแห่งนี้นั้น ถือเป็นเรื่องเก่าที่ตนก็เคยร้องเรียนไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่โรงงานแห่งนี้ได้เข้ามาก่อตั้งใหม่ๆ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับเรื่องของฝุ่นละอองที่ปลิวลอยมาตกใส่เสื้อผ้า แต่หลังจากโรงงานรับปากว่าจะทำการแก้ไขให้ และได้มีการปรับปรุงก่อสร้างโรงเรือนแห่งใหม่ที่เป็นระบบปิดมากขึ้นรวมถึงมีการติดตั้งระบบดักกรองฝุ่นไม่ให้ปลิวลอยออกมายังภายนอกโรงงานได้โดยผ่านการตรวจสอบวัดจากทางหน่วยงานราชการไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน เราก็สามารถที่จะยอมรับได้