พระนครศรีอยุธยา - คณะครู และเพื่อนนักเรียนจากโรงเรียนมาตยกุลร่วมงานศพ “น้องวอมหวา” วัย 10 ขวบ เหยื่อสะพาน 200 ปีมรณะถล่มท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยมีการเขียนข้อความ และนำผลงานภาพวาดของน้องมาติดไว้ที่บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ ขณะที่เหยื่อสะพานมรณะอีกศพญาติเผาแล้ว สวดยับรัฐบาลไม่เหลียวแลช่วยเหลือเยียวยา
คลิกเพื่อชมคลิป:
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่ศาลาการเปรียญวัดรามพงศาวาส อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของ ด.ญ.พิริยาภรณ์ เสือสมิง หรือ “น้องวอมหวา” อายุ 10 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุสะพานถล่มเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีคณะครู และนักเรียนจากโรงเรียนอมาตยกุล กทม. เดินทางมาร่วมงานศพน้องวอมหวา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยเศร้าโศก ขณะที่บริเวณหน้าศาลาการเปรียญ คณะครู และเพื่อนนักเรียนจากโรงเรียนอมาตยกุล ได้มีการจัดบอร์ดแสดงความไว้อาลัยด้วยการเขียนข้อความแสดงความเสียใจไวอาลัยต่อการจากไปของน้องวอมหวา และนำผลงานการวาดภาพของน้องวอมหวา มาติดเอาไว้ ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานศพต่างเศร้าสลดไปด้วย
นายเสถียร นาคสุทธิ์ อายุ 66 ปี สมาชิกองค์การบริการส่วนตำบล (ส.อบต.) ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นตาของน้องวอมหวา เปิดเผยว่า ยังเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ขึ้นน้องวอมหวา ซึ่งเป็นหลานที่ตนรักมาก ไม่น่าจะจากไปด้วยเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหลานเองเป็นเด็กน่ารักช่วยเหลือทำงานบ้านอยู่ตลอดเวลา ปิดเทอมจะกลับมาอยู่ที่ท่าเรือ เป็นเด็กที่เรียนเก่งได้เกรด 4 เกือบทุกวิชา ชอบวาดภาพ เคยบอกว่าโตขึ้นอยากจะเป็นศิลปินวาดภาพ วันเกิดเหตุจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมตัวที่จะเปิดเรียนในชั้น ป.5 แต่ก็ไม่ได้ไป
นายเสถียร กล่าวต่อว่า ในเรื่องถึงความช่วยเหลือจนถึงวันนี้ได้รับเงินเพียง 27,000 บาท จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างสะพานมามอบเงินให้อีก 30,000 บาทเท่านั้น ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ที่เคารพนับถือใช้เงินส่วนตัว
“อยากรู้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะการเสียชีวิตของคนมันเกิดจากความบกพร่อง และประมาทของผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ รู้ว่าระยะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังยุ่งอยู่กับการสอบสวนถึงสาเหตุของสะพานพัง แต่ควรจะมีหน่วยงานของรัฐบาลได้ชี้ชัดถึงการช่วยเหลือ ขณะนี้พ่อกับแม่ของน้องวอมหวา ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าเรือแล้ว เกี่ยวกับการเสียชีวิต และทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบได้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งที่รู้ว่าสะพานมันมีปัญหามันเอียงทำไมไม่ประกาศปิด เมื่อเกิดเหตุแล้วจะมาบอกว่ากำลังจะปิดสะพาน ทุกวันนี้ไม่อยากผ่านไปในที่เกิดเหตุมันเศร้าใจสะเทือนใจทุกครั้งที่ผ่านที่เห็นภาพข่าวตามสื่อต่างๆ”
ส่วนทางด้านเมรุวัดถลุงเหล็ก ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เวลา 17.00 น. ได้มีพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.เกศิณี ชะบาสีห์ อายุ 54 ปี ผู้เสียชีวิตจากเหตุสะพานแขวนพังถล่มในที่เดียวกันท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยมีประชาชนมาร่วมงานกว่า 500 คน หลายคนยังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น.ส.อัจฉรี ชะบาสีห์ อายุ 44 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ ซึ่งเป็นน้องสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยังรู้สึกเสียใจที่พี่สาวต้องมาจากไป และจนถึงวันนี้การช่วยเหลือยังมีเพียงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และบริษัทผู้รับเหมาเท่านั้นที่ได้ช่วยเงินค่าปลงศพ 30,000 บาท
“อยากให้หน่วยงานของรัฐได้เข้ามาดูแล และระบุให้ชัดเจนว่าจะช่วยเหลือผู้เสียชีวิตเป็นเงินเท่าใด ทุกวันนี้หลังจากพี่สาวเสียชีวิตทุกคนในครอบครัวได้ขาดเสาหลัก งานศพวันนี้มีประชาชนมามากพอสมควร ต้องขอฝากขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจด้วย”
น.ส.อัจฉรี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือ ได้เชิญไปให้ปากคำในกรณีที่เป็นญาติของผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินต่างๆ ที่สูญเสียไปใครจะรับผิดชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าคดีนี้เป็นคดีอาญา มีผู้เสียชีวิตต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับส่วนทรัพย์สินที่สูญเสียทางญาติสามารถดำเนินการตั้งทนายฟ้องเองทางแพ่งต่อไปได้