อุดรธานี - สสจ.อุดรธานีแนะประชาชนกินปลาร้าสุกป้องกันมะเร็งท่อน้ำดี เผยปี 2555 พบผู้ป่วย 587ราย
วันนี้ (23 เม.ย.) นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุดรธานี กล่าวว่า จากรายงานโรคมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี ใน จ.อุดรธานี พบว่า ปี 2552 มีผู้ป่วย 247 ราย ปี 2553 มี 422 ราย และปี 2554 มี 587ราย จะเห็นได้ว่าสถิติผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอำเภอที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ อ.เพ็ญ อ.พิบูลย์รักษ์ และ อ.หนองหาน
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง คือ อ.เมือง อ.น้ำโสม อ.ทุ่งฝน อ.บ้านดุ อ.บ้านผือ อ.กู่แก้ว และ อ.สร้างคอม เนื่องจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ มีวัฒนธรรมการกินที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่ามะเร็งที่พบมากแถบภาคอีสานคือมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งสัมพันธ์กับโรคพยาธิใบไม้ในตับ และสารไนโตรซามีน
ทั้งนี้ ไนโตรซามีนเป็นสารพิษที่พบในอาหารหมัก เช่น ปลาร้า ปลาส้ม หมูส้ม แหนม และอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ผสมดินประสิว เช่น กุนเชียง ไส้กรอก เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ส่วนโรคพยาธิใบไม้ในตับเกิดจากพยาธิที่มีอยู่ในปลาน้ำจืดเกล็ดขาวที่อาศัยอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึง เช่น ปลาขาว ปลาแม่สะแด้ง ปลาตะเพียนทราย ปลาสร้อยนกเขา ปลาสูด ปลากระมัง เป็นต้น ซึ่งพบมากทางภาคอีสาน เมื่อกินก้อยปลาดิบ ปลาร้าดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ ที่มีพยาธิชนิดนี้เข้าไป ตัวอ่อนของพยาธิจะเข้าสู่ร่างกาย และชอนไชไปเจริญเติบโตในท่อน้ำดีและถุงน้ำดีในตับ ทำให้ผนังท่อน้ำดีอักเสบ
หากกินบ่อยๆ ก็จะเกิดการอักเสบซ้ำๆ และสารไนโตรซามีนจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่องทำให้เนื้อเยื่อที่อักเสบนั้นกลายเป็นเซลล์มะเร็ง พยาธิใบไม้ในตับอาจมีอายุได้นานถึง 25 ปี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว ควรรับประทานปลาร้าสุก และนำอาหารที่มีปลาร้าเป็นส่วนประกอบปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง ซึ่งเป็นแนวทางป้องกันที่ดีที่สุด
วันนี้ (23 เม.ย.) นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุดรธานี กล่าวว่า จากรายงานโรคมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี ใน จ.อุดรธานี พบว่า ปี 2552 มีผู้ป่วย 247 ราย ปี 2553 มี 422 ราย และปี 2554 มี 587ราย จะเห็นได้ว่าสถิติผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอำเภอที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ อ.เพ็ญ อ.พิบูลย์รักษ์ และ อ.หนองหาน
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง คือ อ.เมือง อ.น้ำโสม อ.ทุ่งฝน อ.บ้านดุ อ.บ้านผือ อ.กู่แก้ว และ อ.สร้างคอม เนื่องจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ มีวัฒนธรรมการกินที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่ามะเร็งที่พบมากแถบภาคอีสานคือมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งสัมพันธ์กับโรคพยาธิใบไม้ในตับ และสารไนโตรซามีน
ทั้งนี้ ไนโตรซามีนเป็นสารพิษที่พบในอาหารหมัก เช่น ปลาร้า ปลาส้ม หมูส้ม แหนม และอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่ผสมดินประสิว เช่น กุนเชียง ไส้กรอก เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ส่วนโรคพยาธิใบไม้ในตับเกิดจากพยาธิที่มีอยู่ในปลาน้ำจืดเกล็ดขาวที่อาศัยอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึง เช่น ปลาขาว ปลาแม่สะแด้ง ปลาตะเพียนทราย ปลาสร้อยนกเขา ปลาสูด ปลากระมัง เป็นต้น ซึ่งพบมากทางภาคอีสาน เมื่อกินก้อยปลาดิบ ปลาร้าดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ ที่มีพยาธิชนิดนี้เข้าไป ตัวอ่อนของพยาธิจะเข้าสู่ร่างกาย และชอนไชไปเจริญเติบโตในท่อน้ำดีและถุงน้ำดีในตับ ทำให้ผนังท่อน้ำดีอักเสบ
หากกินบ่อยๆ ก็จะเกิดการอักเสบซ้ำๆ และสารไนโตรซามีนจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่องทำให้เนื้อเยื่อที่อักเสบนั้นกลายเป็นเซลล์มะเร็ง พยาธิใบไม้ในตับอาจมีอายุได้นานถึง 25 ปี เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว ควรรับประทานปลาร้าสุก และนำอาหารที่มีปลาร้าเป็นส่วนประกอบปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง ซึ่งเป็นแนวทางป้องกันที่ดีที่สุด
