เชียงราย - แกนนำชาวบ้านชุมชนหน้าด่านชายแดนแม่สายขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฯ-สาขา หลังมอบโฉนดที่ดินทำเลทองให้ชาวบ้านเพียง 2 หมู่บ้าน ขณะที่อีก 400 ครัวเรือนที่เรียกร้องสิทธิที่ดินมานานกว่าครึ่งศตวรรษกลับไม่ได้รับ
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า นายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัด อ.แม่สาย ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สำเภา สุทธพันธ์ หน.งานสอบสวน สภ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีต่อ นายวิษณุ ธันวรักษ์กิจ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย และนายชวลิต สามห้วย เจ้าพนักงานที่ดินสาขา อ.แม่สาย เกี่ยวกับเรื่องการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายปรีชาชี้แจงว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีชาวบ้านจากพื้นที่ ม.2 ม.7 และ ม.10 ต.แม่สาย ชุมชนที่อยู่ติดพรมแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย ออกมาเรียกร้องขอสิทธิที่ทำกินเกี่ยวกับที่ดินมานานกว่า 50 ปีเพราะถือว่าอาศัยอยู่ในเขตชุมชนหนาแน่นจนกลายเป็นชุมชนใหญ่หน้าด่านแม่สาย จนทำให้กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือเลขที่ มท.0511.4-3879 ลงวันที่ 12 ก.พ. 2556 ให้มีการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดก่อนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงสำหรับดำเนินการให้เอกสารสิทธิแก่ประชาชนหรือไม่ต่อไป
แต่เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 56 ที่ผ่านมาทางสำนักงานที่ดินฯ กลับทำพิธีมอบโฉนดที่ดินแก่ชาวบ้านเฉพาะพื้นที่ ม.2 และ ม.10 จำนวน 221 ราย ณ หอประชุมพระเจ้าพรหมมหาราชฉลอง 750 ปี โดยไม่ได้มีการตรวจสอบพื้นที่และสอบถามชาวบ้านทั้งหมดอีกครั้ง
ดังนั้นตนจึงขอแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวิษณุ และนายชวลิต ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จนก่อให้เกิดความเสียหายไม่เป็นไปตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งทำให้พวกตนที่อยู่ในพื้นที่ ม.7 เดือดร้อนและถือเป็นการเลือกปฏิบัติ
ซึ่งทาง พ.ต.ท.สำเภาได้รับเรื่อง และสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งขอหลักฐานเป็นสำเนาเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
นายปรีชากล่าวอีกว่า ตอนนี้มีชาวบ้านหมู่ 7 ซึ่งอาศัยอยู่ติดกันอีกกว่า 400 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชุมชนหนาแน่นฝั่งขวาของจุดสิ้นสุดถนนพหลโยธินติดลำน้ำสายชายแดนไทย-พม่า ที่ยังไม่ได้รับโฉนด โดยที่ผ่านมาที่ดินที่ชาวบ้านเรียกร้องกลับถูกระบุว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ ขณะที่พื้นที่งอกเงยและถูกจับจองได้รับการเข้าไปสำรวจรังวัดกันไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่ทางจังหวัดและกรมที่ดินเองก็ยังคงมีมติให้ยกเลิกการเป็นที่สาธารณะ
แต่ปรากฏว่าเรื่องกลับยืดเยื้อยาวนาน และเมื่อกระทรวงมหาดไทยให้ลงไปตรวจสอบกลับชิงมอบโฉนดให้ 2 หมู่บ้านดังกล่าวไป แต่หมู่ 7 กลับไม่ได้รับ จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่น่าสงสัยอย่างมาก
สำหรับปัญหาที่ดินทำเลทองหน้าด่านพรมแดนแม่สาย จ.เชียงราย กรมที่ดินเคยมีหนังสือลงวันที่ 31 ต.ค. 2555 เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า พื้นที่ที่พิจารณามีถึง 6 หมู่บ้าน คือ ม.1, 2, 4, 7, 10 และ ม.11 ต.แม่สาย ซึ่งเคยขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะเอาไว้ตั้งแต่ปี 2490 เพื่อเก็บสงวนไว้เลี้ยงสัตว์ แต่ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของจังหวัดปรากฏว่ามีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือที่ดินทางทิศตะวันตก เป็นที่ดินตามทะเบียนที่สาธารณประโยชน์จำนวน 57 ไร่ และทิศตะวันออก อยู่นอกทะเบียนที่สาธารณประโยชน์มีเนื้อที่ 44 ไร่ ทั้ง 2 ส่วนไม่มีสถานะเป็นที่สาธารณประโยชน์เนื่องจากการหวงห้ามดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะดำเนินการภายหลังพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 รวมทั้งพบว่าที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่เลี้ยงสัตว์
ทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่ก็มีความเห็นว่าการลงทะเบียนที่สาธารณประโยชน์พื้นที่เกาะทรายมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อน ดังนั้นกรมที่ดินเห็นชอบตาม จ.เชียงราย ที่เห็นควรจำหน่ายทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ แต่ขั้นตอนต้องนำเสนอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาสั่งการก่อน