อุตรดิตถ์ - พบกลุ่มนายทุนจีน-เวียดนาม รุกฮุบสวนทุเรียนหลง-หลินลับแล รวมถึงลางสาด-ลองกอง ส่งนายหน้าคนไทยตระเวนเช่า-ซื้อยกสวน เสี่ยงทำคนลับแลกลายเป็นเพียงลูกจ้างรายวันในอนาคต จี้รัฐดูแลด่วน
วันนี้ (31 มี.ค.) นางกัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ กรรมการฝ่ายกิจกรรมและสิทธิประโยชน์ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า อ.ลับแล นอกจากขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้ ทั้งลองกอง ลางสาด ทุเรียน โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หลง-หลินลับแล ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคยกให้เป็นทุเรียนที่อร่อยที่สุดในโลก เพราะมีรสชาติหอมหวาน เมล็ดลีบ ไม่มีกลิ่นแรงเหมือนทุเรียนพันธุ์อื่น ยังมีศักยภาพเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของประเทศไทย เพราะเป็นอาหารที่สะอาด ปลอดภัย หากได้รับการพัฒนาคุณภาพให้ถูกตามหลักเศรษฐกิจและวิชาการก็จะกลายเป็นแหล่งผลิตอาหารระดับนานาชาติได้
“แต่ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมานี้มีนักธุรกิจการเกษตรจากจีนและเวียดนามแฝงตัวเข้ามา โดยการให้คนไทยเป็นนายหน้าขอเช่าหรือซื้อสวนผลไม้ จากนั้นก็นำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาใช้ผลิต และพัฒนาคุณภาพของผลไม้ให้ดียิ่งขึ้น กรณีนี้ถือเป็นอันตรายต่อชาวสวนทุเรียน ลองกอง และลางสาดลับแลอย่างยิ่ง เพราะหากเกษตรกรปล่อยให้นักธุรกิจจีนและเวียดนามเช่าหรือซื้อสวนผลไม้กันหมด ต่อไปจะกลายเป็นเพียงลูกจ้างทำงานในสวน รับเงินรายวันเท่านั้น”
นางกัญญาวีร์กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแลโดยเร็ว เพราะหากไม่ช่วยกันปกป้อง ต่อไปคนรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะไม่มีที่ทำกิน เมืองลับแลก็จะกลายเป็นตำนานเมืองแห่งผลไม้เท่านั้น ทั้งที่สวนผลไม้เป็นอาชีพเดียวที่เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องใช้สารเคมี หรือเทคโนโลยี เพราะพื้นที่สวนผลไม้ภูเขาสูง สภาพอากาศและความชื้นเหมาะสม ทำให้เจริญเติบโตได้ดี นักธุรกิจต่างชาติจึงพยายามเข้ามาเป็นเจ้าของให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าจะทำตลาดได้ดี
“อยากให้เกษตรกรทั่วประเทศได้ตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก อย่าขายหรือให้นักธุรกิจต่างชาติเช่าเด็ดขาด เพราะอาชีพคู่บ้านคู่เมืองอาจตกเป็นของคนต่างชาติ ซึ่งนักการเมืองและหน่วยราชการควรช่วยกันปกป้อง สร้างจิตสำนึกให้กับเกษตรกร ให้มีใจรักและหวงแหนในอาชีพของตนเองด้วย”
