ตราด - ทูตพาณิชย์ไทยประจำกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เผยสินค้าไทยเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวเวียดนาม โดยเฉพาะผลไม้ไทยเข้าสู่เวียดนามปีละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ต้องพัฒนาคุณภาพเพิ่มขึ้น ด้านหอการค้าตราด ตั้งเป้าส่งผลไม้ขาย 1,000 ตัน ในปี 56
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ห้องประชุมเลียดประถม อาคารเอกสินชล ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด น.ส.บุษยา บุตรรัตน์ ทูตพาณิชย์ไทยประจำกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เดินทางมาบรรยายเรื่อง โอกาสผลไม้และสินค้าไทยในฮานอย ที่หอการค้า จ.ตราด เป็นผู้เชิญมาร่วมบรรยายให้เกษตรกรขาวสวนผลไม้ จ.ตราด และนักธุรกิจของ จ.ตราด ได้รับรู้ช่องทาง โดยมี น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวต้อนรับ ซึ่งมีนายสุพจน์ เลียดประถม กล่าวถึงเหตุผลของการเชิญ น.ส.บุษบา บุตรรัตน์ มาบรรยายเพื่อชี้ช่องทางการสร้างตลาด และโอกาสของสินค้าของ จ.ตราดโดยเฉพาะผลไม้ของ จ.ตราด ในประเทศเวียดนาม
น.ส.บุษบา กล่าวว่า ตลาดสินค้าในเวียดนามเป็นตลาดที่ใหญ่ และน่าสนใจ เพราะมีจำนวนประชากรมากถึง 88 ล้านคน และร้อยละ 53 เป็นกลุ่มหนุ่ม-สาว ที่อยู่ในวัยทำงาน และมีพฤติกรรมการบริโภคที่ตามกระแส ขณะเดียวกัน ชาวเวียดนามนิยมใช้ หรือบริโภคสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งยี่ห้อของไทยหากเขียนว่าผลิตในประเทศไทยจะสามารถขายได้ในตลาดเวียดนาม
โดยในแต่ละปีเวียดนามสั่งสินค้าจากไทยไปปีละ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผลไม้ไทยมีมูลค่าปีละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่สำคัญ ผลไม้ของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง เป็นที่ชื่นชอบของชาวเวียดนาม ซึ่งชาวสวนผลไม้ของ จ.ตราด สามารถนำไปขายได้ แต่ต้องพัฒนาคุณภาพด้วย
นอกจากนั้น เวียดนามเป็นทางผ่านของสินค้าจากไทยไปสู่ประเทศที่ 3 เช่น จีน หรือสหภาพยุโรป ซึ่งจะได้สิทธิทางการค้า ซึ่งนักธุรกิจของไทย และของ จ.ตราด จะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง และเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้สินค้าไทยเติบโตได้มากขึ้นในประเทศเวียดนาม
ด้านนายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พานักธุรกิจของ จ.ตราด โดยเฉพาะผู้ประกอบการด้านแปรรูปสินค้าการเกษตร ชาวสวนผลไม้เดินทางไปทั้งที่ฮานอย และโฮจิมินห์ เพื่อดูลู่ทางการค้าขาย และการนำผลไม้เข้าไปยังกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งผลไม้ของ จ.ตราด สามารถส่งไปขายใน 2 ประเทศได้เป็นอย่างดี โดยที่ผู้บริโภคเวียดนามชอบมังคุด เงาะ และลองกองเป็นพิเศษ และได้มีการเจรจาในการซื้อขายไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับตลาดผลไม้ของ จ.ตราด
ขณะเดียวกัน พ่อค้าในฮานอย ที่หอการค้าจังหวัดตราด ได้เคยนำมังคุดส่งไปจำหน่ายนั้นปรากฏว่า สามารถนำเข้าไปขายในตลาดของจีนได้ด้วย ทำให้ผลไม้ของ จ.ตราดเปิดกว้างมากขึ้นใน 2 ประเทศนี้ โดยในปีที่ผ่านมา ผลไม้ของ จ.ตราด เข้าไปขายใน 2 ประเทศนี้แล้วกว่า 1,000 ตัน ปี 56 นี้คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น
วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ห้องประชุมเลียดประถม อาคารเอกสินชล ต.หนองเสม็ด อ.เมือง จ.ตราด น.ส.บุษยา บุตรรัตน์ ทูตพาณิชย์ไทยประจำกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เดินทางมาบรรยายเรื่อง โอกาสผลไม้และสินค้าไทยในฮานอย ที่หอการค้า จ.ตราด เป็นผู้เชิญมาร่วมบรรยายให้เกษตรกรขาวสวนผลไม้ จ.ตราด และนักธุรกิจของ จ.ตราด ได้รับรู้ช่องทาง โดยมี น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวต้อนรับ ซึ่งมีนายสุพจน์ เลียดประถม กล่าวถึงเหตุผลของการเชิญ น.ส.บุษบา บุตรรัตน์ มาบรรยายเพื่อชี้ช่องทางการสร้างตลาด และโอกาสของสินค้าของ จ.ตราดโดยเฉพาะผลไม้ของ จ.ตราด ในประเทศเวียดนาม
น.ส.บุษบา กล่าวว่า ตลาดสินค้าในเวียดนามเป็นตลาดที่ใหญ่ และน่าสนใจ เพราะมีจำนวนประชากรมากถึง 88 ล้านคน และร้อยละ 53 เป็นกลุ่มหนุ่ม-สาว ที่อยู่ในวัยทำงาน และมีพฤติกรรมการบริโภคที่ตามกระแส ขณะเดียวกัน ชาวเวียดนามนิยมใช้ หรือบริโภคสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งยี่ห้อของไทยหากเขียนว่าผลิตในประเทศไทยจะสามารถขายได้ในตลาดเวียดนาม
โดยในแต่ละปีเวียดนามสั่งสินค้าจากไทยไปปีละ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผลไม้ไทยมีมูลค่าปีละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่สำคัญ ผลไม้ของไทย เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง เป็นที่ชื่นชอบของชาวเวียดนาม ซึ่งชาวสวนผลไม้ของ จ.ตราด สามารถนำไปขายได้ แต่ต้องพัฒนาคุณภาพด้วย
นอกจากนั้น เวียดนามเป็นทางผ่านของสินค้าจากไทยไปสู่ประเทศที่ 3 เช่น จีน หรือสหภาพยุโรป ซึ่งจะได้สิทธิทางการค้า ซึ่งนักธุรกิจของไทย และของ จ.ตราด จะได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ค่อนข้างสูง และเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้สินค้าไทยเติบโตได้มากขึ้นในประเทศเวียดนาม
ด้านนายสุมิตร เขียวขจี ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พานักธุรกิจของ จ.ตราด โดยเฉพาะผู้ประกอบการด้านแปรรูปสินค้าการเกษตร ชาวสวนผลไม้เดินทางไปทั้งที่ฮานอย และโฮจิมินห์ เพื่อดูลู่ทางการค้าขาย และการนำผลไม้เข้าไปยังกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งผลไม้ของ จ.ตราด สามารถส่งไปขายใน 2 ประเทศได้เป็นอย่างดี โดยที่ผู้บริโภคเวียดนามชอบมังคุด เงาะ และลองกองเป็นพิเศษ และได้มีการเจรจาในการซื้อขายไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับตลาดผลไม้ของ จ.ตราด
ขณะเดียวกัน พ่อค้าในฮานอย ที่หอการค้าจังหวัดตราด ได้เคยนำมังคุดส่งไปจำหน่ายนั้นปรากฏว่า สามารถนำเข้าไปขายในตลาดของจีนได้ด้วย ทำให้ผลไม้ของ จ.ตราดเปิดกว้างมากขึ้นใน 2 ประเทศนี้ โดยในปีที่ผ่านมา ผลไม้ของ จ.ตราด เข้าไปขายใน 2 ประเทศนี้แล้วกว่า 1,000 ตัน ปี 56 นี้คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น
