ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจยังไม่สรุปเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตถุงมือยางในจังหวัดระยองว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือลอบวางเพลิงเพื่อเอาประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตถุงมือยางของบริษัท มาสเตอร์โกลฟ อินดัสตรี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ในวันนี้ (30 มี.ค.) พ.ต.ท.หญิงปาริฉัตร อั้นเต้ง นวท. (สบ 2) พฐ.จว.ระยอง พร้อมด้วย ร.ต.ท.เอกรัตน์ โลหะ ร้อยเวร สภ.ปลวกแดง เจ้าของคดี ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีนายอิศราเทพ เทพนรินทร์ ผู้จัดการโรงงาน และเจ้าหน้าที่นิติกรรมของโรงงานเข้าร่วม
จากการตรวจสอบพบว่า อาคารโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้จนโครงเหล็กหลังคายุบพังลงมานั้น ทางโรงงานได้นำรถแบ็กโฮเข้ามาตักเศษเหล็ก และเศษถุงมือยาง โดยมีรถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่น้ำคู้ และเทศบาลตำบลมาบข่า ระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมกลุ่มควันไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่
ซึ่ง นายอิศราเทพ เทพนรินทร์ ผู้จัดการโรงงาน กล่าวว่า อาคารของโรงงานได้รับความเสียหายหมด ประกอบด้วยแผนกตรวจสอบ (QC) แผนกจัดเก็บสินค้า แผนกแพกกิ้ง และแผนกคลังสินค้า นอกจากนั้น คลังสินค้าเอ บี ซี และดี ซึ่งเป็นที่เก็บถุงมือเตรียมส่งให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศก็ได้รับความเสียหายทั้งหมดด้วยเช่นกัน ส่วนมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยโรงงานได้ทำประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง และได้ประสานงานเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ และประเมินค่าเสียหายแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.หญิงปาริฉัตร อ้นเต้ง นวท. (สบ 2) พฐ.จว.ระยอง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบโครงสร้างของตัวอาคาร ขั้นตอนการผลิตตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงการนำสินค้าออกจากโรงงาน และยังได้สอบสวนผู้จัดการโรงงานแล้ว นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อสาเหตุว่าเกิดจากการลอบวางเพลิง หรือไฟฟ้าลัดวงจร
และจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย พนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.ระยอง พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรภาค 2 และเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชำนาญการ เข้าร่วมตรวจพิสูจน์ผลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ด้าน ร.ต.ท.เอกรัตน์ โลหะ พนักงานสอบสวน สภ.ปลวกแดง เจ้าของคดี กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้ได้เปิดทำการมานานกว่า 12 ปีแล้ว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากการลอบวางเพลิงเพื่อเอาค่าประกันภัย หรือเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร โดยในวันนี้ได้มีตัวแทนของบริษัทประกันภัยเข้าตรวจสอบ และบันทึกภาพไว้แล้ว พร้อมได้สอบสวนคนงานที่อยู่ในเหตุการณ์เพื่อใช้ประกอบสำนวนการดำเนินคดี โดยต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อทราบสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป