อุบลราชธานี - ปลาเลี้ยงในกระชังจังหวัดอุบลราชธานีกว่า 3 แสนตัว มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ตายเฉียบพลันหลังพายุฤดูร้อนทำฝนตกในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำมูลบริเวณอำเภอดอนมดแดง และสว่างวีระวงศ์ ประมงจังหวัดระบุสาเหตุ เพราะค่าออกซิเจนในน้ำน้อยกว่าปกติเนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (27 มี.ค. 56) นายสมเกียรติ พงษ์ศิริจันทร์ ประมงจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยพัฒนาประมงน้ำจืด อุบลราชธานี เข้าตรวจวัดค่าออกซิเจนในแม่น้ำมูล บริเวณบ้านดงบัง ต.ดอนมดแดง อ.ดอนมดแดง หลังได้รับแจ้งจากชาวประมงที่ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชังมีปลาเลี้ยงตายจำนวนหลายแสนตัว
นายดรุณศักดิ์ ใจเกื้อ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมงระบุว่า ปกติค่าออกซิเจนละลายในน้ำ ซึ่งสัตว์น้ำอาศัยอยู่ได้ต้องมีค่าไม่น้อยกว่า 3 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่จากการนำเครื่องมือเข้าตรวจวัดที่ริมตลิ่งแม่น้ำมีปริมาณออกซิเจนอยู่เพียง 2 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนค่าออกซิเจนบริเวณกลางแม่น้ำมีปริมาณออกซิเจนสูงขึ้นเล็กน้อย คือ 2.5 มิลลิกรัมต่อลิตร ทำให้ปลาขาดออกซิเจนใช้หายใจ ประกอบกับเมื่อวานมีฝนตกลงมาอย่างหนักนานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันน็อกน้ำตาย จึงแนะนำให้ผู้เลี้ยงปลาในกระชังลดความแออัดจากเดิมเลี้ยงกระชังละ 1,500 ตัว ให้เหลือเพียง 700 ตัว เพื่อให้ปลามีออกซิเจนหายใจเพียงพอ
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะนี้มี 19 ราย จำนวน 152 กระชังจากจำนวนกว่า 1,800 กระชัง ในพื้นที่เลี้ยงของตำบลดอนมดแดง อ.ดอนมดแดง และตำบลสว่างวีระวงศ์ อ.สว่างวีระวงศ์ โดยเป็นปลาอายุ 3-4 เดือน น้ำหนักตัวประมาณ 5 ขีดขึ้นไป ซึ่งอยู่ในระดับใกล้จับขึ้นขายตายไปประมาณ 3 แสนตัว หรือคิดเป็นน้ำหนักกว่า 150,000 กิโลกรัม มูลค่าของปลาทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาทเศษ ซึ่งจะได้รายงานให้อำเภอและจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อของบประมาณมาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ประสบภัยดังกล่าว
ด้านนายทันใจ นาคสุวรรณ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังบ้านดงบังอ.ดอนมดแดงกล่าวว่า หลังฝนหยุดตกในตอนเย็น ลงมาดูปลาเลี้ยงยังไม่เป็นอะไรกระทั่งเช้าปลาที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดกว่า 2 หมื่นตัวตายทั้งหมด รวมทั้งปลาของเพื่อนบ้าน จึงรีบเก็บซากปลาขึ้นมาขายทำเป็นปลาร้าและปลาตากแห้งกิโลกรัมละ 20 บาท จากปกติราคากิโลกรัมละ 67 บาท และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาเพราะเมื่อปีที่แล้วในช่วงเดียวกันนี้ก็เกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นแต่ไม่หนักขนาดนี้ ก็ยังไม่ได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือจากรัฐแต่อย่างใด