ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ปัญหาหมอกควันไฟป่าเชียงใหม่ส่อเค้ายาว ควันยังปกคลุมทั่วทั้งเมือง ขณะที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 พุ่งเกินค่ามาตรฐาน เฉียดทะลุ 200 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แพทย์ยังเตือนประชาชนเลี่ยงออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็นจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย ขณะที่จังหวัดระบุสาเหตุจากเกิดไฟป่ามาก พร้อมออกสุดยอดมาตรการขอความร่วมมือฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ
วันนี้ (24 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์หมอกควันใน จ.เชียงใหม่ ว่า ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลาย แม้ว่าวานนี้ (23 มี.ค.) ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยจากหมอกควันที่ดูจางลง ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ที่ถึงจะสูงกว่าค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) แต่ก็ลดลงจากวันก่อนหน้านั้น โดยวันนี้พบว่าตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบ ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพในระยะไกลได้ เพราะภูเขาทั้งลูกถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน
ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 12.00 น. อยู่ที่ 190.08 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 130 ส่วนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 12.00 น. อยู่ที่ 180.52 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 126 ซึ่งจะพบค่าฝุ่นละอองและดัชนีคุณภาพอากาศของทั้ง 2 สถานีสูงกว่าค่ามาตรฐานทั้งคู่ อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงย้ำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพเป็นพิเศษ ในช่วงที่การแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่ายังไม่เป็นผล ด้วยการเลี่ยงออกทำกิจกรรมนอกตัวอาคาร หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ใส่เสื้อแขนยาว และสวมแว่นตา เพื่อป้องกันฝุ่นควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายสู่ภาวะปกติ
ด้านนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ยังคงมีไฟป่าเกิดขึ้นมาก โดยสถิติแจ้งเหตุเผาสะสม ระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 23 มีนาคม เกิดเหตุไฟป่า 453 ครั้ง ในพื้นที่ 23 อำเภอ พื้นที่เสียหายประมาณ 5,251 ไร่ แยกเป็นป่าอนุรักษ์ 297ครั้ง เสียหาย 3,489 ไร่ ป่าสงวน 154 ครั้ง เสียหาย 1,752 ไร่ และพื้นที่ข้างทาง 2 ครั้ง เสียหาย 10 ไร่ โดย อ.เชียงดาว มีสถิติการเผาป่ามากที่สุด 71 ครั้ง รองลงมา คือ อ.แม่ออน 64 ครั้ง ส่วนจำนวน Hotspot สะสมมีทั้งสิ้น 1,203 จุด
ทั้งนี้ ทางจังหวัดขอความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชาชนร่วมกันออกมาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่อากาศด้วยการเพิ่มการรดน้ำต้นไม้ และรดน้ำถนนให้มากขึ้น เพื่อลดฝุ่นละอองที่ปกคลุมจังหวัดอยู่ในขณะนี้ และเพื่อให้คุณภาพอากาศกลับมาปกติ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รวมถึงสุขภาพอนามัยของชาวเชียงใหม่