นครสวรรค์ - ชาวนาท่าตะโกเมืองปากน้ำโพ จับมือกันนำเครื่องสูบน้ำระดมสูบน้ำจากบึงบอระเพ็ดเข้าคลองสาขาลงผืนนา ก่อนต้นข้าวกว่า 4 หมื่นไร่แห้งตาย ขณะที่คนเลี้ยงปลากระชังน้ำน่าน เจอปัญหาปลาตายวันละนับร้อยตัว ต้องจับขายก่อนกำหนด
วันนี้ (24 มี.ค.) รายงานข่าวจาก จ.นครสวรรค์ แจ้งว่า ขณะนี้ชาวนำ ต.พนมเศษ อ.ท่าตะโก ต้องช่วยกันนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งบริเวณปากคลองบึงบอระเพ็ดกว่า 20 เครื่อง พร้อมสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ส่งต่อไปยังคลองสาขา เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ และแรงดัน หลังจากนาข้าวในพื้นที่กำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง เพราะฝนทิ้งช่วงมานาน ประกอบกับน้ำตามลำคลองสาธารณะมีน้อยไม่พอใช้
นายหอม พลายสกุล อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 1 ต.พนมเศษ กล่าวว่า ชาวบ้านต้องรช่วยเหลือกันเองโดยระดมเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ช่วยกันสูบน้ำจากบึงบอระเพ็ด โดยมีสัญญาระหว่างชาวนาด้วยกันว่า หากใครนำเครื่องมาร่วมติดตั้งบริเวณปากคลองก็มีสิทธิตั้งเครื่องสูบน้ำเข้านาของตนเองที่น้ำไหลผ่าน ซึ่งหากไม่ร่วมมือกันนาข้าวกว่า 4 หมื่นไร่ต้องตายแล้งภายในเดือนเมษายนนี้แน่นอน
ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ที่ไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ ก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เลี้ยงปลากระชัง เนื่องจากปลาปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ลอยตายวันละกว่า 100 ตัว บางกระชังเกยตื้นไม่สามารถลากออกไปกลางแม่น้ำได้
นายปฏิภัทร กลิ่นรอง อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 7 ต.ทับกฤษใต้ อ.ชุมแสง กล่าวว่า เลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง 20 กระชัง ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่ลดลง ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้แม่น้ำน่านมีอุณหภูมิสูง ปลาปรับสภาพไม่ทัน ไม่ยอมกินอาหาร ป่วย และทยอยตายวันละกว่า 100 ตัวแล้ว ต้องแก้ปัญหาโดยการจับขายก่อนกำหนด จากปกติน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 7-8 ขีด ราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 80 บาท แต่ช่วงนี้หนักเพียงตัวละไม่ถึง 5 ขีด ก็ต้องจับขายแล้ว เพราะหากปล่อยไว้คงตายยกกระชัง ซึ่งจะสร้างความเสียหายเพราะขาดทุนจำนวนมาก