ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนร้ายกระชากสร้อยทองคำหนัก 1 บาท หญิงวัย 59 ปีกลางวันแสกๆ โดยภาพวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ชัดเจนแต่คดียังไม่คืบหน้า วอนสื่อแพร่ภาพให้ชาวบ้านติดตามเบาะแส
วันนี้ (21 มี.ค.) นางกนกวรรณ พรหมศร อายุ 59 ปี พร้อมด้วย น.ท.สัมพันธ์ พรหมศร อายุ 60 ปี สังกัดศูนย์ฝึกทหารใหม่ พักบ้านเลขที่ 64/3 หมู่บ้านชื่นสุข ซ.วัดเขาคันธมาทน์ ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้เข้าพบสื่อมวลชน พร้อมนำภาพวงจรปิดคนร้ายกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ไปจากคอของตนขณะกำลังยืนอยู่หน้าบ้านกับเพื่อนเมื่ออาทิตย์ก่อน และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.สินสมุทร์ บุญทัศนา ร้อยเวรสอบสวน สภ.สัตหีบ ไว้แล้ว แต่ขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงให้ทางสื่อมวลชนนำภาพคนร้ายแพร่ภาพออกสู่สังคมให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้
ภาพวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ขณะคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี ผมเกรียน ผิวดำ-แดง สูงประมาณ 170 ซม.สวมเสื้อสีม่วง กางเกงขายาวสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุ ทำทีเข้ามาสอบถามหาบ้านคนชื่อ อ๊อด ทำงานก่อสร้างอยู่ภายในซอย ขณะเจ้าทุกข์กำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าบ้าน คนร้ายพยายามชวนคุยหลอกล่อ เมื่อสบโอกาสจึงกระชากสร้อยคอจนขาดติดมือคนร้าย โดยทั้งคู่ได้พยายามต่อสู้ยื้อแย่งแต่ถูกคนร้ายผลักจนล้มลงกับพื้น ก่อนเร่งเครื่องขี่จักรยานยนต์หลบหนีเข้าซอยตัน ทำให้ต้องย้อนขี่ผ่านกลับมาทางเดิม ก่อนหายลอยนวลมุ่งหน้าขึ้นถนนสุขุมวิท ส่วนเจ้าทุกข์บริเวณคอถูกแรงกระชากจนเกิดรอยเขียวช้ำ
ด้าน น.ท.สัมพันธ์ พหรมศร สามี กล่าวว่า คนร้ายคงได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีและรู้ว่าภายในซอยส่วนใหญ่ผู้อาศัยจะเป็นข้าราชการช่วงเช้าก็จะออกไปทำงาน จะเหลืออยู่ก็เพียงแม่บ้าน และลูกๆ จึงได้ตระเวนหาเหยื่อเพื่อประทุษร้ายต่อทรัพย์ จนกระทั่งภรรยาตกเป็นเหยื่อในที่สุด
ที่ผ่านมาได้หาวิธีป้องกันภัยด้วยการติดกล้องวงจรปิด และสัญญาณกันขโมย แต่กลับไม่ทำให้เหล่ามิจฉาชีพเกรงกลัวแม้แต่น้อยจึงรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต จำต้องนำทองรูปพรรณที่เก็บหอมรอมริบกว่า 10 บาท ขายเปลี่ยนเป็นเงินนำไปฝากธนาคารเพื่อแก้ปัญหาการโจรกรรมไม่ให้สูญเปล่าไปอย่างแน่นอน
