กาญจนบุรี - ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรมันสำปะหลัง บุกศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี พบรองผู้ว่าฯ กาญจน์ เรียกร้องให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำมันฯ ออกไปอีก 2 เดือน ขู่หากไม่ดำเนินการให้จะเคลื่อนพลชาวมันฯ ไปทำเนียบฯ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (19 มี.ค.) นายรังสี ไผ่สะอาด อายุ 44 ปี สมาชิก อบต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเกษตรกรผู้ปลูกมันสัมปะหลังประมาณ 50 คนได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทวงถามสัญญาข้อเรียกร้องขอให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำมันสัมปะหลังออกไปอีก 2 เดือน หลังจากโครงการจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เหตุในพื้นที่ยังมีมันสำปะหลังกว่า 2.5 แสนตัน ขู่หากไม่ทำตามข้อเรียกร้อง พร้อมเคลื่อนพลไปทำเนียบ
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้า กลุ่มชาวบ้านผู้ปลูกมันสำปะหลังจากอำเภอไทรโยค อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอพนมทวน โดยเมื่อวานนี้ได้มีข่าวสะพัดออกไปว่าจะมีประชาชนเดินทางมารวมตัวประมาณ 300 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจังหวัดกาญจนบุรี เร่งออกหาข่าว พร้อมทั้งจะคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมา แต่ในที่สุด กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังก็ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางอย่างบางตาประมาณ 50 คน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้น นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายวรวิทย์ เมฆนพรัตน์ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี นางพรรษวรรณ จันทร์ดี การค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าไปประชุมที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ไปบอกแกนนำให้นำประชาชนเดินทางเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือร่วมกัน กระประชุมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และชาวบ้านผู้ปลูกมันสำปะหลังใช้เวลาประมาณ 1 ชั่งโมงจึงแล้วเสร็จ
นายรังษี ไผ่สะอาด แกนนำ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนและชาวบ้านเดินทางมาในครั้งนี้ เนื่องจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังที่เป็นโครงการของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยเหลือเวลาอีกเพียง 11 วันเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา เราได้เดินทางมาที่จังหวัดเพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำหัวมันสำปะหลังแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยเฉพาะการอนุญาตให้ลานมันนอกพื้นที่เข้ามารับจำนำมันสำปะหลังในพื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมด 7 แห่ง
โดยเราได้ร่วมประชุม และได้มีมติเห็นพร้อมกันที่จะเรียกร้องขอให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำมันสำปะหลังออกไปอีก 2 เดือน จากที่จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขอให้ขยายไปสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม เนื่องจากปัจจุบัน ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสดยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากถึง 50% หรือประมาณ 250,000 ตัน จากผลผลิตที่ขึ้นทะเบียนไว้ 500,000 ตัน โดยมันสำปะหลังสดที่เหลือยังไม่ได้มีการขุดขึ้นมาขาย ปัจจุบัน เกษตรกรขายมันสำปะหลังอยู่ที่ตันละ 1,800 บาท เมื่อนำจำนวนเงินมาคูณกับจำนวนมันสำปะหลังที่ยังเหลืออยู่จำนวน 250,000 ตัน ก็จะเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่เกษตรกรจะได้รับ แต่กลับไม่ได้รับจึงเกิดความเสียหายอย่างมาก
และเนื่องจากการเปิด และปิดโครงการรับจำนำของรัฐบาลในปีฤดูการผลิต 2555/56 ประกาศเริ่มโครงการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนั้นเราเห็นว่ารวดเร็วเกินไป อีกทั้งการปฏิบัติจริงเพิ่งเริ่มเมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา จึงทำให้เกษตรกรเสียโอกาสไปแบบฟรีๆ 3 เดือน ดังนั้น รัฐบาลก็ควรจะชดเชยเวลาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังถึงจะถูกต้อง
ทั้งนี้ หากการเรียกร้องดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ เรากลุ่มเกษตรกรจึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกพลเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงตัดสินใจ เมื่อถึงวันนั้น หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยเราก็จะปักหลักประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป
ด้าน นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งจังหวัดเองก็เข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว และจากการพูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งแกนนำ และทุกคนก็เข้าใจในหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ประสานขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดให้เร่งรวบรวมเอกสารต่างๆ ให้เร็วที่สุด จากนั้นจะได้รีบนำเอกสารไปส่งให้แก่หน่วยงานส่วนกลางที่มีอำนาจในการตัดสินใจต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (19 มี.ค.) นายรังสี ไผ่สะอาด อายุ 44 ปี สมาชิก อบต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเกษตรกรผู้ปลูกมันสัมปะหลังประมาณ 50 คนได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทวงถามสัญญาข้อเรียกร้องขอให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำมันสัมปะหลังออกไปอีก 2 เดือน หลังจากโครงการจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เหตุในพื้นที่ยังมีมันสำปะหลังกว่า 2.5 แสนตัน ขู่หากไม่ทำตามข้อเรียกร้อง พร้อมเคลื่อนพลไปทำเนียบ
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้า กลุ่มชาวบ้านผู้ปลูกมันสำปะหลังจากอำเภอไทรโยค อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอพนมทวน โดยเมื่อวานนี้ได้มีข่าวสะพัดออกไปว่าจะมีประชาชนเดินทางมารวมตัวประมาณ 300 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจังหวัดกาญจนบุรี เร่งออกหาข่าว พร้อมทั้งจะคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมา แต่ในที่สุด กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังก็ได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางอย่างบางตาประมาณ 50 คน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้น นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายวรวิทย์ เมฆนพรัตน์ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี นางพรรษวรรณ จันทร์ดี การค้าภายในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าไปประชุมที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ไปบอกแกนนำให้นำประชาชนเดินทางเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือร่วมกัน กระประชุมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และชาวบ้านผู้ปลูกมันสำปะหลังใช้เวลาประมาณ 1 ชั่งโมงจึงแล้วเสร็จ
นายรังษี ไผ่สะอาด แกนนำ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนและชาวบ้านเดินทางมาในครั้งนี้ เนื่องจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังที่เป็นโครงการของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยเหลือเวลาอีกเพียง 11 วันเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา เราได้เดินทางมาที่จังหวัดเพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำหัวมันสำปะหลังแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยเฉพาะการอนุญาตให้ลานมันนอกพื้นที่เข้ามารับจำนำมันสำปะหลังในพื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมด 7 แห่ง
โดยเราได้ร่วมประชุม และได้มีมติเห็นพร้อมกันที่จะเรียกร้องขอให้รัฐบาลขยายเวลาโครงการรับจำนำมันสำปะหลังออกไปอีก 2 เดือน จากที่จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขอให้ขยายไปสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม เนื่องจากปัจจุบัน ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสดยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากถึง 50% หรือประมาณ 250,000 ตัน จากผลผลิตที่ขึ้นทะเบียนไว้ 500,000 ตัน โดยมันสำปะหลังสดที่เหลือยังไม่ได้มีการขุดขึ้นมาขาย ปัจจุบัน เกษตรกรขายมันสำปะหลังอยู่ที่ตันละ 1,800 บาท เมื่อนำจำนวนเงินมาคูณกับจำนวนมันสำปะหลังที่ยังเหลืออยู่จำนวน 250,000 ตัน ก็จะเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่เกษตรกรจะได้รับ แต่กลับไม่ได้รับจึงเกิดความเสียหายอย่างมาก
และเนื่องจากการเปิด และปิดโครงการรับจำนำของรัฐบาลในปีฤดูการผลิต 2555/56 ประกาศเริ่มโครงการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนั้นเราเห็นว่ารวดเร็วเกินไป อีกทั้งการปฏิบัติจริงเพิ่งเริ่มเมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา จึงทำให้เกษตรกรเสียโอกาสไปแบบฟรีๆ 3 เดือน ดังนั้น รัฐบาลก็ควรจะชดเชยเวลาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังถึงจะถูกต้อง
ทั้งนี้ หากการเรียกร้องดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ เรากลุ่มเกษตรกรจึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกพลเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงตัดสินใจ เมื่อถึงวันนั้น หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยเราก็จะปักหลักประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป
ด้าน นายกาศพล แก้วประพาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งจังหวัดเองก็เข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว และจากการพูดคุยกับชาวบ้าน ซึ่งแกนนำ และทุกคนก็เข้าใจในหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ประสานขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดให้เร่งรวบรวมเอกสารต่างๆ ให้เร็วที่สุด จากนั้นจะได้รีบนำเอกสารไปส่งให้แก่หน่วยงานส่วนกลางที่มีอำนาจในการตัดสินใจต่อไป
