ฉะเชิงเทรา - คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน ลงพื้นที่สางสารพัดปัญหาหนองแหน ถกรอบด้านแก้วิกฤตชาวบ้านแบบมาราธอนนานเกือบ 6 ชม. เต็ม ขณะหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเมินร่วมวงเสวนา ส่งเพียงมวยแทนร่วมโต๊ะแจงแบบชกไม่สมศักดิ์ศรี
ค่ำวานนี้ (12 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา คณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำโดย นายนิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เดินทางลงสู่พื้นที่ตำบลหนองแหนเพื่อรับฟังข้อมูลรอบด้านจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านผู้ร้องเรียนเรื่องบ่อขยะสารพิษจากกากอุตสาหกรรม ที่ถูกนำมาทิ้งในพื้นที่ และตำบลใกล้เคียงรวม 9 จุดใน 3 ตำบล
โดยในการประชุมรับฟังชี้แจงปัญหา ได้มีการเชิญหน่วยงานระดับสูงของแต่ละส่วนงานมาเข้าร่วมในการชี้แจงปัญหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ต่อคณะอนุกรรมการและชาวบ้าน เช่น อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมอนามัย อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแหน กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟิวชั่น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กรรมการผู้จัดการบริษัท เค เอส ดี รีไซเคิล จำกัด และกรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์กำจัดของเสียไทย จำกัด และชาวบ้านหนองแหนผู้ร้องเรียน
แต่ปรากฏว่า ในที่ประชุมกลับมีแต่เพียงผู้แทนของแต่ละหน่วยงานถูกส่งเข้ามาร่วมชี้แจงในที่ประชุมเท่านั้น โดยมีเพียง นายอยู่ เสนาธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ฉะเชิงเทรา เท่านั้น ที่เป็นหัวหน้าหน่วยงานผู้ได้ถูกรับเชิญตรงตามตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบเดินทางมาเข้าร่วมประชุม จนมีผู้แทนจากบางหน่วยงานไม่สามารถที่จะชี้แจง หรือให้รายละเอียดข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนได้เลย โดยเฉพาะกรมโรงงานอุตสาหกรรม
จนทำให้ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิต้องฝากคำถามต่อผู้แทนให้บันทึกส่งกลับไปให้ยังอธิบดีฯ ตอบกลับมาเป็นรายงานในภายหลัง ขณะเดียวกัน ทางด้านของฝ่ายผู้ประกอบการทั้ง 3 รายนั้น ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการสิทธิฯ ในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีบางบริษัทได้ส่งเพียงตัวแทนเข้ามาลงชื่อเข้าร่วม และได้รีบเดินทางกลับไปโดยที่ไม่ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการสิทธิฯ แต่อย่างใดเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ของคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา และสร้างขวัญกำลังใจ และทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานรัฐในการแก้ไขปัญหาเพิ่มมากขึ้น หลังจากกลุ่มชาวบ้านที่ได้เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านเพื่อปกป้องสิทธิของชุมชนตนเองได้เสียขวัญ และกำลังใจไปเป็นอย่างมาก หลังจากที่ นายประจบ เนาวโอภาส ผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ต.หนองแหน ซึ่งเป็นแกนนำถูกคนร้ายตามลอบยิงจนเสียชีวิตไปเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยหลังจากการประชุมชี้แจง ตลอดระยะเวลากว่า 5 ชม. เศษ จนกระทั่งใกล้เวลา 19.00 น. ประธานในที่ประชุม โดยนายนิรันดร์ ได้ข้อสรุปรวม 5 ข้อ เป็นเรื่องเกี่ยวกับในส่วนของท้องที่ 4 เรื่อง คือ มาตรการเร่งด่วนในการคุ้มครองพยาน คุ้มครองชีวิตชาวบ้าน ให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยการใช้มาตรการเชิงรุก เรื่องที่ 2 คือ การตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับสารพิษ และผลกระทบ เรื่องที่ 3 การเฝ้าระวังปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก ด้วยการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำงานร่วมกับชาวบ้าน ส่วนเรื่องที่ 4 นั้นคือ เรื่องเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของการพัฒนาจังหวัดที่ต้องมีความชัดเจนในเรื่องของผังเมืองว่า พื้นที่ตรงไหนส่วนใดสีอะไร ควรจะทำอะไรได้บ้าง
ขณะที่หน่วยงานในส่วนกลางนั้น ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความไม่ชัดเจนในเรื่องของนโยบายในการควบคุมดูแลกากสารพิษของกรมโรงงาน หากไม่มีระบบการตรวจสอบติดตาม และเอาผิดต่อผู้ที่กระทำความผิด ในที่ประชุมจึงขอฝากไปถึงยังอธิบดีกรมโรงงานให้มีระบบการติดตามตรวจสอบ ไม่อย่างนั้นปัญหาก็จะเกิดขึ้นลุกลามซ้ำรอติดตามมาอีกหลายแห่ง โดยให้กรมโรงงานกระจายอำนาจมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือลงมาทำร่วมกันกับ อบต.ในท้องที่