xs
xsm
sm
md
lg

จุดจบของแกนนำต้านบ่อขยะพิษ “หนองแหน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงาน...

“เพราะชาวบ้านเดือดร้อน เราเป็นผู้นำ จึงต้องออกมาต่อสู้” จุดจบของแกนนำต้านบ่อขยะพิษ “หนองแหน”

สิ้นเสียงปืนดังต่อเนื่องหลายนัด ท่ามกลางชุมชนที่ตั้งเรียงรายตามขอบไหล่ทาง ถนนสายพนมฯ-บ้านสร้าง ด้านหลังตลาดศูนย์การค้าศิริพนม ในเขตเทศบาลตำบลพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเวลาบ่ายเศษ (13.04 น.) ของวันที่ 25 ก.พ.56 ร่างของผู้ใหญ่จบ หรือ “ประจบ เนาวโอภาส” ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มวัยเพียง 42 ปีเศษ ตะเกียกตะกายล้มฟุบลงสู่พื้นอยู่ที่ด้านข้างรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของเขาเอง

ในขณะที่เขากำลังจะพยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเข้าไปหยิบคว้าอาวุธปืนที่เก็บอยู่ภายในรถถึง 2 กระบอก ออกมาต่อสู้กับคนร้าย แต่พละกำลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั้นมีแต่เพียงน้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะทำได้ดั่งใจหมายตามวิสัยของนักต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตที่ยังเหลืออยู่จะทำได้

นี่คงเป็นภาพติดตาของพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ระหว่างเกิดเหตุแบบต่อหน้าต่อตาหลายคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำงานภายในอู่ซ่อมรถยนต์ ที่มีหลากหลายรูปแบบไปตามอาการเสียของรถยนต์แต่ละคันที่เข้ามาใช้บริการ โดยแต่ละอู่ต่างตั้งเรียงรายแยกกันไปตามแต่ละจุดอาการเสียของตัวรถ ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปได้เพียงไม่กี่วินาที

จึงได้พยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือ และเรียกร้องขอรถบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน จากหน่วยงานมูลนิธิกู้ภัยในพื้นที่ให้เข้ามาช่วยนำส่งไปยังโรงพยาบาลพนมสารคาม

หลังจากคนร้ายผู้ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมหันหลังกลับไปขึ้นรถยนต์เก๋งคันสีดำทะมึน แผ่นป้ายทะเบียนตราจังหวัดกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งขับเข้ามาจอดแวะก่อนหน้าเพียงไม่กี่วินาที

พร้อมกับยังคงติดเครื่องยนต์รอเอาไว้ที่ด้านนอกร้าน และมีชายอีกคนเดินตรงลงมาจากเบาะนั่งหน้าด้านซ้ายของตัวรถ ก่อนที่จะชักอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้ามาจ่อยิงเหยื่อตามเป้าหมายที่ผู้ว่าจ้างต้องการจะปลิดชีพ เอาชีวิต ให้ได้สมดังใจ

ขณะ “จร เนาวโอภาส” ผู้มีตำแหน่งหน้าที่เป็นประธานสภา อบต.หนองแหน นักการเมืองท้องถิ่นวัยหนุ่มอีกคน ที่กำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 46 ฝน ซึ่งเป็นพี่ชายในสายเลือดของเหยื่อกระสุนชี้ถึงชนวนสาเหตุของการถูกตามลอบสังหารน้องชายในครั้งนี้ว่า “เพราะชาวบ้านเดือดร้อนจากขยะพิษ ที่คนอื่นขนนำเอาเข้ามาให้คนในชุมชน เราเป็นผู้นำชุมชนจึงต้องออกมาเป็นตัวแทนในการต่อสู้ เพื่อปกป้องสิทธิของลูกบ้าน” ที่เป็นคำกล่าวบอกแต่เพียงนัยๆ ว่า มูลเหตุที่แท้จริงในการสังหารน้องชายในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากอะไร

แต่ในขณะที่ตัวเขาเองนั้น ก็ยังมิได้ชี้บ่งให้ชัดนักถึงเรื่องเกี่ยวกับประเด็นการสังหาร พร้อมยังบอกอีกว่า ก่อนหน้าที่น้องชายจะถูกลอบสังหาร ได้ถูกบุคคลลึกลับที่แต่งกายคล้ายกับแก๊งทวงหนี้จากการปล่อยเงินกู้นอกระบบ สวมเสื้อคลุมเจ็กเกตสีดำขับรถจักยานยนต์เข้ามาวนเวียนถามหาอยู่บ่อยครั้งในหมู่บ้าน พร้อมกับยังแอบถ่ายภาพยานพาหนะ ทะเบียนรถ

ตลอดจนการเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหว จนถึงยังเวลาเข้าออกจากที่อยู่อาศัย และเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นต่อแกนนำผู้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับบ่อขยะพิษอีกหลายคน

รวมถึงตนเองด้วย “จร” ระบุถึงภาพความชัดเจนของการหมายเอาชีวิตในกลุ่มคนเหล่านี้ว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องใด

ขณะเดียวกัน เขายังได้ไตร่ตรองถึงวิถีชีวิตของน้องชาย ไล่เรียงองค์ประกอบอื่นๆ ไปด้วยว่า ถึงแม้เขาจะมีอาชีพเป็นผู้รับเหมางานเกี่ยวกับการรับถมที่ดิน แต่ก็ไม่เคยไปรับงานตัดหน้า หรือแย่งชิงงานจากการประมูลมาจากรายอื่นๆ แต่ประการใด เนื่องด้วยวิธีการทำธุรกิจของน้องชายนั้น จะรับงานตรงมาจากผู้ว่าจ้าง โดยที่ไม่ต้องไปผ่านระบบการแย่งชิงแข่งขันกันกับคนอื่นตามขั้นตอนทั่วไป คือ เมื่อผู้ว่าจ้างมีความประสงค์ที่จะว่าจ้างให้เขาทำงานให้ เขาก็จะรับงานไว้จากผู้ว่าจ้างตรงๆ จนเป็นที่รู้จักทั่วไปของคนในวงการ และไม่เกิดเป็นความขัดแย้งในเรื่องนี้ขึ้นมาในภายหลัง

ขณะที่ในเรื่องของชู้สาวนั้น จะว่าไปแล้วเขาก็มีเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกันเพราะเขามีภรรยาถึง 2 คน แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน เพราะสามารถพูดคุยกันได้ ประเด็นนี้ก็ต้องถูกตัดไปอีก

ขณะที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพนันนั้นก็ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน จึงถือว่ามีเรื่องสำคัญอยู่แค่เพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการออกมาเป็นผู้นำในการต่อต้านบ่อขยะสารพิษจากกากอุตสาหกรรมนี้เอง จร ระบุถึงที่มาในแต่ละเรื่องราวในชีวิตของ “จบ” ผู้เป็นน้องชายโดยละเอียด

พร้อมยังบอกเล่าถึงชีวิตบนเส้นทางการเมืองในระดับผู้นำหมู่บ้านของน้องชายด้วยอีกว่า “จบ” ผู้เป็นน้องชายนั้น เริ่มต้นชีวิตทางด้านการประกอบอาชีพจนมาถึงทุกวันนี้ได้นั้น ด้วยการมีอาชีพรับจ้าง ก่อนที่จะเก็บรวมรวบเงินทองจากหยาดเหงื่อแรงงานมาได้เป็นก้อน จึงได้นำเอามาออกรถตู้ เพื่อวิ่งรับเหมางานในการรับจ้างเดินทางทั่วไป ต่อมาเมื่อมีทุนรอนมากขึ้น จึงได้หันมาเล่นรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกดิน จึงเริ่มมีงานรับเหมาถมดินมากขึ้น และมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจในด้านนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนเส้นทางการเมืองนั้น เขาได้เริ่มต้นหันมาลงเล่นการเมืองในระดับหมู่บ้าน ด้วยการได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อประมาณ 12 ปีก่อนหน้านี้ และอยู่ดูแลลูกบ้านมาจนครบวาระถึง 5 ปี จนได้รับเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง จึงได้เป็นผู้ใหญ่บ้านในสมัยที่ 2 และอยู่ต่อมาจนครบวาระอีก 5 ปี

จากนั้น เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานี้จึงได้มีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง หลังจากการครบวาระ ซึ่งในครั้งนี้เขาก็ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านในสมัยที่ 3 อีกครั้ง

โดยการเป็นผู้ใหญ่บ้านครั้งล่าสุดนี้ จะได้อยู่แบบนั่งยาวไปจนถึงวัยเกษียณอายุราชการ คือ เมื่ออายุครบ 60 ปี แต่มาถึงวันนี้เขาคงอยู่ไม่ถึง เพราะเขาได้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้นำชุมชนในการต่อสู้เพื่อคนในหมู่บ้านจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้ว ในคราบหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่นี้เอง “จร” บอกทิ้งท้ายถึงชีวิตน้องชายกับเราอย่างนี้

จากเส้นทางชีวิต ของ “ผู้ใหญ่ประจบ” บนเส้นทางของนักต่อสู้แบบจำเป็น ในคราบของนักเคลื่อนไหวต่อต้าน ที่เขาอาจจะไม่ถนัดนักเพราะไม่ใช่กลุ่มเอ็นจีโอเดินสายแบบมืออาชีพมาก่อน จึงถือเป็นแบบอย่างของบุคคลในฐานะผู้นำที่พึงระลึกไว้ในหน้าที่ และพร้อมที่จะปกป้องสิทธิให้แก่ลูกบ้าน แม้จะแลกด้วยชีวิตของเขาเองก็ตามที

เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็คงอาจไม่ใช่มีแต่เพียงผู้ใหญ่ประจบ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ได้ถูกหมายหัว “ตามฆ่า” แต่ยังคงมีผู้ร่วมขับเคลื่อนที่เดินเคียงคู่อยู่กับพวกเขาอีกหลายชีวิต ที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจหน้าที่ควรพึงต้องรีบเข้ามาปกป้องดูแล ก่อนที่จะสูญสิ้นผู้นำตัวจริงอย่างเช่น “จบ” ผู้ใหญ่บ้านผู้แกร่งกล้าในหน้าที่รายนี้เป็นรายต่อๆ ไป


กำลังโหลดความคิดเห็น