ศูนย์ข่าวศรีราชา - ความคืบหน้าคดีฆ่าสาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารไทยในสวิตเซอร์แลนค์ หลังเช็กอย่างละเอียด ตำรวจคาดเป็นฝีมือพี่ชายของสามีชาวปากีสถาน ล่าสุด ตำรวจได้ภาพ และชื่อผู้ต้องสงสัยแล้ว
กรณี นางนงลักษณ์ เฉลยจรรยา อ๊าซฟาก อายุ 46 ปี นักธุรกิจเจ้าของร้านอาหารไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกคนร้ายทุบศีรษะฆ่าโหดหมกศพขึ้นอืดทิ้งไว้ในบ้านเลขที่ 80/112 หมู่บ้านอาริยะวิลล่า ซอยหนองไม้แก่น 15 หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของนายโจเซฟ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) น้องชายของนายโมฮัมหมัด อ๊าซฟาก สามีของนางนงลักษณ์ ผู้ตาย ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 ก.พ.) พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้ว 3-4 ปาก นอกจากนี้ ยังทำการตรวจสอบประวัติ และเช็กข้อมูลเอกสารอย่างละเอียด ทำให้ทราบชื่อผู้ต้องสงสัยแล้วคือ นายมูฮัมหมัด โยเซฟ (Mr.Muhammad Yousaf) อายุ 47 ปี สัญชาติปากีสถาน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของนายโมฮัมหมัด อ๊าซฟาก สามีของนางนงลักษณ์ ที่พยานระบุว่า ได้เดินทางไปหานางนงลักษณ์ที่บ้านพักก่อนที่จะเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจยังไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอจึงยังไม่สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วหลายปาก ทำให้พอลำดับเหตุการณ์ได้ว่า เมื่อประมาณวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นแขกขาวชาวตะวันออกกลาง จำนวน 2 คน มาพบผู้ตายที่บ้าน โดยนางนงลักษณ์ ก็ได้ออกมาต้อนรับ และพาเข้าบ้าน จึงสันนิษฐานว่า ชายทั้ง 2 คนน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นคนร้ายในคดีนี้หรือไม่
นอกจากนี้ ตำรวจยังได้เช็กไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืององค์การต่างประเทศ และพบว่านายมูฮัมหมัด โยเซฟ เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 ก.พ.56 และเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 10 ก.พ.56 ได้เดินทางออกไปจากประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ยังไม่ทราบว่าบินไปประเทศไหน ซึ่งนับว่าผิดสังเกตเป็นอย่างมากเพราะเข้า-ออกประเทศภายในวันเดียว ตำรวจจึงเชื่อว่าฆาตกรรายนี้น่าจะคือ นายมูฮัมหมัด โยเซฟ อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เนื่องจากญาติของผู้ตายระบุว่า ก่อนหน้านี้นางนงลักษณ์ มีความขัดแย้งกับนายมูฮัมหมัด ซึ่งเป็นพี่ชายของสามี เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน โดยเฉพาะเรื่องบ้านพักในหมู่บ้านอารียะวิลล่า ที่นายมูฮัมหมัด ต้องการที่จะเอาบ้านไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อให้ตัวเองมีสิทธิครอบครอง
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลการชันสูตรศพ และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออำนาจศาลออกหมายจับ และดูสิทธิสัญญาข้อกฎหมายระหว่างประเทศ ก่อนประสานงานตำรวจสากลให้ติดตามตัวนายมูฮัมหมัด โยเซฟ มาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป