เชียงราย - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฯ พร้อมกับตำรวจ ปคบ.ลุยตรวจสถานพยาบาลเสริมความงามทั่วเมืองเชียงราย หลังเปิดกันเกร่อ พร้อมดำเนินคดี 3 คลินิกโฆษณาเกินจริง ทั้งติดป้ายลด 50% อ้างสรรพคุณดีที่สุด-หายขาด
วันนี้ (12 ก.พ.) นายพสิษฐ์ ศักดานนท์ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย ร่วมกับ พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการดำเนินการตรวจสอบสถานพยาบาลเกี่ยวกับการ ดูแลสุขภาพและความงามในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
นายพสิษฐ์กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าที่ผ่านมามีการเปิดสถานพยาบาลเสริมความงามกันอย่างคึกคักและมีการร้องเรียนเข้าไปเกี่ยวกับการกระทำที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย จึงได้ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบตามสถานที่ต่างๆ แล้วพบว่าใน จ.เชียงราย แม้จะยังปรากฏผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาพยาบาลผู้ป่วย และไม่พบมีการใช้ยา หรือเวชภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) แต่ก็พบฐานความผิดในการโฆษณาเกินจริง หรือเข้าข่ายที่กฎหมายต้องห้ามหลายราย จึงได้เปรียบเทียบปรับเจ้าของหรือผู้จัดการสถานพยาบาลดังกล่าวทันที จำนวน 20,000 บาท พร้อมนำของกลางไปตรวจสอบ หากพบมีการฝ่าฝืนอีกก็จะปรับเป็นเงินวันละ 10,000 บาทไปเรื่อยๆ รวมทั้งตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสถานการณ์ได้ดีขึ้นแล้วเพราะผู้ถูกดำเนินคดีคงไม่กลับไปทำผิดอีกเพราะต้องถูกปรับทุกวัน
พล.ต.ต.นิพนธ์กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองเชียงราย โดยเฉพาะย่านถนนธนาลัย ซึ่งเป็นถนนสายหลักกลางตัวเมือง พบเริ่มมีการเปิดสถานพยาบาลเกี่ยวกับดูแลรักษางามกันมากขึ้น คาดว่าเป็นผลมาจากความเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจเรื่องความสวยความงาม โดยในจำนวนนี้มีสถานพยาบาลอยู่ 3 แห่ง กระทำความผิดเรื่องการโฆษณาเกินจริง เข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงได้ดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับที่สำนักงานสาธารณสุขตามขั้นตอน
พล.ต.ต.นิพนธ์กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องหลงตกเป็นเหยื่อ และหากปล่อยทิ้งเอาไว้อาจจะเกิดการกระทำผิดอื่นๆ ทั้งยังน่าเป็นห่วงในเรื่องการนำตัวยาจากต่างประเทศที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ หรืออนุญาตจาก อย.มาใช้ในการรักษาซึ่งมีราคาถูก เมื่อนำมาประกอบการโฆษณาเกินจริงและอาจถึงขั้นใช้ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์มาทำการรักษาอีกก็อาจจะเกิดอันตรายอย่างมาก
สำหรับสถานพยาบาลที่ถูกเปรียบเทียบปรับ ดำเนินคดีครั้งนี้ ส่วนใหญ่มีการปิดป้าย หน้าร้านที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง หรือกฎหมายห้ามไว้ เช่น ลด 50% ซึ่งตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับยาและเครื่องสำอาง ไม่อนุญาตให้ทำได้ หรือระบุว่าดีที่สุด หายขาด เป็นต้น