ตราด - ชาว ต.แหลมกลัด ประสบปัญหาชายหาดถูกกัดเซาะอีก 1-2 เมตร ถึงบ้านพักอาศัย ด้านนายก อบต.แหลมกลัด เผยแต่ละปีชายหาดหายนับ 100 ไร่ ร่วม ม.บูรพาวิจัยเพื่อแก้ไข และป้องกัน
นายบุญโน้ต ภูมณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านสะพานหิน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด เปิดเผยว่า บริเวณชายหาดหมู่ 5 ที่ก่อนหน้านี้มีต้นสนปลูกอยู่ริมชายหาด ปรากฏว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ได้ถูกคลื่นทะเลซัดจนต้นสนนับ 10 ตันล้ม และชายหาดถูกทำลายจนน้ำทะเลพัดเข้ามาในสระน้ำริมทะเลทั้งหมด และปัจจุบันกลายเป็นทะเลผืนเดียวกันไปแล้ว ขณะที่บริเวณปากคลองหมู่ 5 มีทรายซัดเข้ามาจนปิดลำคลองจนหมด และน้ำในลำคลองไม่สามารถไหลลงสู่ทะเลได้ตามปกติ
ซึ่งในอนาคตจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะคลองมีลักษณะตื้นเขิน เรือประมงพื้นบ้านออกไม่ได้ ต้องใช้ช่องทางอื่นทำให้ไม่สะดวก ส่วนบ้านพัก 2 หลังของตนเอง และญาติที่เคยอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5-6 เมตร ปรากฏว่า ขณะนี้เหลือระยะติดทะเลเพียง 1-2 เมตร โชคดีตรงที่มีการถมดินออกไป และมีต้นสนขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่ หากต้นสนล้มบ้านของตนเองก็จะได้รับผลกระทบด้วย
นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายก อบต.แหลมกลัด เปิดเผยว่า ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลใน ต.แหลมกลัด ที่มีความยาวของชายฝั่งกว่า 30-40 กิโลเมตร จะมีอยู่ที่บ้านหมู่ 5 เป็นหลัก และในแต่ละปีพื้นที่ของตำบลแหลมกลัดต้องสูญเสียไปกว่า 100 ไร่ ยิ่งคลื่นทะเลจะกัดเซาะชายฝั่งหายไป 1-2 เมตรทุกปี โดยที่ อบต.แหลมกลัดไม่สามารถจะป้องกันได้ และก็เป็นเช่นนี้อยู่หลายปีแล้ว แต่ทาง อบต.แหลมกลัด จะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุป และนำมาซึ่งช่องทางในการแก้ปัญหาได้ ที่สุดทางมหาวิทยาลัยบูรพาได้ส่งนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านทะเลมาทำการศึกษาด้านวิชาการเพื่อหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้น หรือมีก็ให้เกิดน้อยลง
“ผมเสนอแนะให้นักวิชาการได้ทำการดูดทรายจากทะเลกลับขึ้นมาถมบริเวณชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะไป เพราะทรายที่ถูกคลื่นซัดไปก็อยู่ในทะเล แต่ห่างออกจากฝั่งไป หากสามารถดูดทรายที่อยู่ในทะเล และถมชายหาดจะทำให้ทรายที่ดูดมาถมจะอยู่ได้อย่างน้อย 5-10 ปี ส่วนวิธีการอื่นๆ ต้องให้นักวิชาการมหาวิทยาลัยบูรพาสรุปวิธีการออกมาเพื่อแก้ปัญหาต่อไป
