ลำปาง - “ปลอดประสพ” ใจดีจัดงบให้ชุมชนบ้านต้นต้อง 15 ล้าน ปลูกป่าต้นแบบเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมขอปลูกประดู่แดงต้นแรกเป็นปฐมฤกษ์
วันนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ติดตามการป้องกันปัญหาไฟป่า และหมอกควันในภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้ไปตรวจเยี่ยมป่าชุมชนบ้านต้นต้อง หมู่ 5 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง โดยมีนายมานิต อุ่นเครือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิชัย พร้อมชาวบ้านให้การต้อนรับ
โดยนายมานิตรายงานถึงความเป็นมาของป่าชุมชนบ้านต้นต้องว่า บ้านต้นต้องมีประชากร 350 ครัวเรือน 1,400 คน เป็นที่ราบเชิงเขา ที่ผ่านมาป่าถูกทำลายไปมากนับตั้งแต่ปี 2530 และนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการลักลอบตัดไม้ ฤดูแล้งมีการเผาป่าจนเกิดมลพิษหมอกควันจนชาวบ้านทนไม่ไหว ร่วมกันตั้งกลุ่ม We Love The King We Love Thailand มีนายเสกสรรค์ แดงใส เข้ามาช่วย และเริ่มต้นระดมจิตอาสาออกปฏิบัติการดับไฟป่า ทำฝายชะลอน้ำ ทำแนวกันไฟ โดยไม่มีงบประมาณจากหน่วยงานภายนอกเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมของชุมชน ก่อนที่จะถูกทำลายไปจนหมด
“แม้ที่ผ่านมาจะพบกับอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้ค้าไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มจิตอาสาท้อถอย และยอมแพ้ ตรงกันข้ามมีชาวบ้านที่เห็นผลงานเข้ามาร่วมมากขึ้น จนปี 2552 ชาวบ้านตระหนักถึงปัญหา และขอจัดตั้งป่าชุมชนขึ้น และในวันที่ 12 พฤษภาคม 2553 จึงได้รับอนุมัติ และเริ่มมีบางหน่วยงานให้การสนับสนุน ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น ลดการตัดไม้ ลดการเผาป่า เริ่มมีสัตว์ป่า มีนกยูงเข้ามาอาศัย และป่ากลับมามีความชุ่มชื้นอีกครั้ง”
ขณะที่นายปลอดประสพกล่าวขอบคุณชาวบ้านที่ได้ช่วยกันดูแลผืนป่า และได้อนุมัติเงิน 15 ล้านบาทเพื่อให้ชุมชนใช้ในการปลูกป่า และดำเนินกิจกรรมเพื่อให้ผืนป่า 5,000 ไร่กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง โดยกำหนดยุทธศาสตร์ด้วยตัวเอง และจะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยวันเริ่มกิจกรรมขอให้เตรียมต้นประดู่แดงไว้ให้ด้วยเพราะตนจะมาปลูกด้วยตนเอง
นายปลอดประสพกล่าวว่า ปีนี้จะใช้งบประมาณ 15,000 ล้านบาทเพื่อปลูกป่าสร้างระบบนิเวศเกี่ยวกับน้ำอย่างเดียว ซึ่งจะต่างจากที่ผ่านมาที่ใช้งบประมาณปลูกป่าจำนวนมากแต่ไม่ได้ผลเนื่องจากไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน บ้างก็ปลูกเพื่อทดแทนไม้ที่ถูกตัดไป บ้างก็ปลูกเพราะมีการบุกรุก มีการเผา และไม่มีคนดูแล แต่ครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจน คือ ต้องปลูกเพื่อให้เกิดระบบนิเวศเกี่ยวกับน้ำอย่างเดียว ไม่จำกัดต้นไม้ที่นำมาปลูก มีระบบดูแลต่อเนื่อง คือต้องมีคนดูแลตั้งแต่การปลูก หลังปลูกระยะ 3-5 ปี เมื่อโตแล้วต้องมีคนดูแลไม่ให้มีการตัดด้วย ที่สำคัญเจ้าภาพจะไม่ใช้โครงสร้างปกติ แต่จะใช้โครงสร้างทางปกครองในแต่ละพื้นที่ดูแลซึ่งจะได้ผลมากกว่า
“เรื่องเผาป่าอยากฝากถึงประชาชนทุกคนว่าขอให้หยุด เพราะการเผามีแต่จะเกิดปัญหาตามมามากมาย ซึ่งเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยเกิดจากฝีมือของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเชื่อ หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ต้องให้ทุกคนหยุดเผา หากไม่เชื่อก็ต้องจับ”