ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ทสจ.เชียงใหม่แจง 8 มาตรการแก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ระบุอยู่ภายใต้หลัก 2P 2R กับการบูรณาการร่วมกันทำงานทุกภาคส่วน ยันช่วง 80 วันอันตรายห้ามเผา 3 จุด พื้นที่เมือง-เกษตร-ป่า ด้านผู้ว่าฯ สั่งแต่ละอำเภอดูแลพื้นที่เข้มข้น เตือนเกิดเหตุต้องรับผิดชอบ อธิบายนายกฯ ได้
วันนี้ (30 ม.ค.) ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่ ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และการท่องเที่ยว โดยสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รณรงค์ให้ประชาชนงดการเผา และใช้วิธีการไถกลบแทน พร้อมทั้งขอให้ทุกอำเภอเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
ด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) เชียงใหม่ แจ้งต่อที่ประชุมว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศให้ระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึง 10 เมษายนเป็นช่วง 80 วันอันตราย ที่จะต้องควบคุมการเผาใน 9 จังหวัดภาคเหนือ โดย ครม.เห็นชอบตามโครงการแก้ปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือตอนบนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอ ซึ่งกำหนดให้ใช้หลัก 2P 2R ได้แก่ การป้องกัน (Prevention) การเตรียมพร้อม (Preparetion) การร่วมมือ (Response) และการฟื้นฟู (Recovery)
ขณะเดียวกันจะมีการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่า โดยกำหนดมาตรการรวม 8 ข้อ ประกอบด้วย 1. ควบคุมการเผาช่วง 80 วันอันตราย 2. ป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าอย่างเข้มข้น 3. สนับสนุนชุมชนมาตรฐาน ชุมชนปลอดการเผา 4. ส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคเครือข่ายเข้าร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากหมอกควัน 5. การสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกสู่กลุ่มเป้าหมาย 6. การแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควัน 7. การขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน และ 8. การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือ
ทั้งนี้ นายธานินทร์กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี ทางจังหวัดได้บูรณาการเอามาตรการทั้ง 8 ข้อมาปฏิบัติในช่วง 80 วันอันตราย จึงอยากกำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการแนวทางดังกล่าวไปใช้ในระดับพื้นที่ พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ที่ดูแล 3 พื้นที่สำคัญ ทั้งพื้นที่ชุมชน พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ป่า ปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นด้วย นอกจากนี้ ให้นายอำเภอตรวจสอบการทำการเกษตรในเขตพื้นที่ป่า และเร่งไถกลบวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวอย่างรัดกุม ตามที่เคยมีการเสนอและเห็นชอบในการประชุมร่วมกับนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งกำชับให้หน่วยงานอื่นๆ เช่น แขวงการทาง และทางหลวงชนบท ควบคุมดูแลพื้นที่ในความรับผิดชอบของตนเองด้วย
“ได้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดเป็นฝ่ายติดตามผลการดำเนินงานระดับพื้นที่ ร่วมกับนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจะดูในภาพรวมของจังหวัด ทั้งนี้หากเกิดการเผาขึ้นในพื้นที่ผู้ที่ดูแลพื้นที่นั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จะอ้างว่าเกิดขึ้นโดยเอกชนไม่ได้ เพราะทุกหน่วยงานจะต้องเข้าไปควบคุมดูแล และจะต้องสามารถชี้แจงให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทราบ ในกรณีที่เกิดการเผาขึ้นได้ด้วยว่าเกิดมาจากสาเหตุใด”
วันนี้ (30 ม.ค.) ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงใหม่ ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และการท่องเที่ยว โดยสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รณรงค์ให้ประชาชนงดการเผา และใช้วิธีการไถกลบแทน พร้อมทั้งขอให้ทุกอำเภอเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
ด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) เชียงใหม่ แจ้งต่อที่ประชุมว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศให้ระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึง 10 เมษายนเป็นช่วง 80 วันอันตราย ที่จะต้องควบคุมการเผาใน 9 จังหวัดภาคเหนือ โดย ครม.เห็นชอบตามโครงการแก้ปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือตอนบนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอ ซึ่งกำหนดให้ใช้หลัก 2P 2R ได้แก่ การป้องกัน (Prevention) การเตรียมพร้อม (Preparetion) การร่วมมือ (Response) และการฟื้นฟู (Recovery)
ขณะเดียวกันจะมีการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่า โดยกำหนดมาตรการรวม 8 ข้อ ประกอบด้วย 1. ควบคุมการเผาช่วง 80 วันอันตราย 2. ป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าอย่างเข้มข้น 3. สนับสนุนชุมชนมาตรฐาน ชุมชนปลอดการเผา 4. ส่งเสริมให้ภาคเอกชนและภาคเครือข่ายเข้าร่วมในการป้องกันและแก้ปัญหามลพิษจากหมอกควัน 5. การสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกสู่กลุ่มเป้าหมาย 6. การแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควัน 7. การขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน และ 8. การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือ
ทั้งนี้ นายธานินทร์กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี ทางจังหวัดได้บูรณาการเอามาตรการทั้ง 8 ข้อมาปฏิบัติในช่วง 80 วันอันตราย จึงอยากกำชับให้ทุกอำเภอบูรณาการแนวทางดังกล่าวไปใช้ในระดับพื้นที่ พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ที่ดูแล 3 พื้นที่สำคัญ ทั้งพื้นที่ชุมชน พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ป่า ปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นด้วย นอกจากนี้ ให้นายอำเภอตรวจสอบการทำการเกษตรในเขตพื้นที่ป่า และเร่งไถกลบวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวอย่างรัดกุม ตามที่เคยมีการเสนอและเห็นชอบในการประชุมร่วมกับนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งกำชับให้หน่วยงานอื่นๆ เช่น แขวงการทาง และทางหลวงชนบท ควบคุมดูแลพื้นที่ในความรับผิดชอบของตนเองด้วย
“ได้มอบหมายให้ปลัดจังหวัดเป็นฝ่ายติดตามผลการดำเนินงานระดับพื้นที่ ร่วมกับนายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจะดูในภาพรวมของจังหวัด ทั้งนี้หากเกิดการเผาขึ้นในพื้นที่ผู้ที่ดูแลพื้นที่นั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ จะอ้างว่าเกิดขึ้นโดยเอกชนไม่ได้ เพราะทุกหน่วยงานจะต้องเข้าไปควบคุมดูแล และจะต้องสามารถชี้แจงให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทราบ ในกรณีที่เกิดการเผาขึ้นได้ด้วยว่าเกิดมาจากสาเหตุใด”
