ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ นำทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังนำทหารพราน สุนัขทหาร ตำรวจ ตชด.และกำลัง อส.กว่า 80 นายบุกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 10 จุดช่วงเช้ามืดเพื่อกดดันผู้ค้า และผู้เสพยาในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อยรอยต่อชุมพร และชายแดนไทย-พม่า หวังตัดวงจรระบาดยาเสพติดระยะยาว ได้ผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืนหลายกระบอก และกระสุน
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิริวุฒิ เหมทัต ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เปิดยุทธการปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด โดยได้เข้าทำการบุกตรวจค้นในช่วงเวลาเช้ามืดที่ผ่านมา เพื่อหวังกดดันผู้ค้าผู้เสพยาในเขตอำเภอบางสะพานน้อย ซึ่งเป็นอำเภอรอยต่อกับจังหวัดชุมพร และติดกับแนวเขตชายแดนประเทศพม่า โดยมีนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอบางสะพานน้อย เป็นหัวหน้าชุด พร้อม พ.ต.เฉลิมพล คุปตะวาทิน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจอู่ทอง ป้องกันจังหวัด ปลัดอำเภอบางสะพานน้อย นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 1404 หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองพลทหารราบ ตำรวจภูธร สภ.บางสะพานน้อย ตชด. และ อส.จังหวัด รวม 10 ชุดปฏิบัติการ จำนวน 80 นาย พร้อมสุนัขตำรวจอีก 2 ตัว โดยนำหมายค้นของศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุกเข้าจู่โจมบ้านเป้าหมาย 10 หลังที่กระจายอยู่ในเขตชุมชน สวนยางพารา และใกล้แนวชายแดน
นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยภายหลังการเข้าตรวจค้นว่า ผลจากการปฏิบัติการเข้าตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายในครั้งนี้ไม่พบยาเสพติดให้โทษ หรือยาบ้าแต่อย่างใด แต่พบของกลางเป็นอาวุธปืนขนาด .38 ขนาด 11 มม. กล้องติดปืนยาว ซึ่งขณะเข้าตรวจค้นมีผู้เอามาทิ้งไว้ข้างทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากชาวบ้าน และไปตรวจสอบจนพบตามที่แจ้งจริง รวมไปถึงเครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 50 นัด และอาวุธปืนขนาด .22 อีก 1 กระบอก พร้อมอุปกรณ์การเสพกัญชา นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้อีก 4 คน โดยทั้งหมดมีปัสสาวะสีม่วงด้วย
นายวีระ กล่าวอีกว่า การปฏิบัติการจู่โจมครั้งนี้เป็นการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อหวังกดดันไม่ให้เกิดผู้เสพผู้ค้ายาหน้าใหม่ขึ้นมาทดแทน ผู้เสพผู้ค้ายาหน้าเก่าที่ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว เป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดยาเสพติดไม่ให้เพิ่มมากขึ้น โดยทางจังหวัดจะใช้พื้นที่ อ.บางสะพานน้อย เป็นต้นแบบในการปฏิบัติการกดดันผู้เสพผู้ค้าเสพติดเพื่อให้อำเภออื่นๆ ที่เหลืออีก 7 อำเภอของจังหวัดได้ปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
“สิ่งสำคัญในการปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้อีกอย่างก็คือ อาวุธปืน เนื่องจากปัจจุบันผู้ค้ายาเสพติดส่วนใหญ่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ดังนั้น การกวาดล้างยาเสพติด และอาวุธปืนต่างๆ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจูโจมในลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการกดดันในอีกรูปแบบ หากดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้ายาเสพติดก็ต้องออกจากพื้นที่ไป ซึ่งอำเภอบางสะพานน้อย นอกจากการใช้การจู่โจมตรวจค้นแล้ว เรายังมีการข่าว และเบาะแสจนทำให้สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย สำหรับอาวุธปืน และเครื่องกระสุนก็ต้องส่งตรวจสอบ ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดก็ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพานน้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”