รายงานโดยศูนย์ข่าวภูมิภาค
"สุดท้าย "กำนันเป๊าะ" ไม่พ้นเงื้อมือกฎหมาย หลังจากหนีคดีมานานเกือบ 10 ปี สาเหตุที่ "กำนันคนดัง" ถูกจับได้ครั้งนี้ลือกันว่า "ป่วย" มาก ต้องไปพบแพทย์ที่วางใจได้ และผู้คนเชื่อเรื่องของวิบากกรรมที่ทุกคนหนีไม่พ้น"
เป็นอันว่ าที่สุดแล้วนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ"...ก็หนี! ไม่พ้น “หนีศาล”! เป็นทางเลือกทางออกที่ "กำนันเป๊าะ" ได้เลือก...เลือกทางหนี...ละทิ้งซึ่งอำนาจบารมี ละทิ้งซึ่งทรัพย์สิน ละทิ้งซึ่งธุรกิจ-อสังหาริมทรัพย์มูลค่านับพันล้าน อันได้มาจากการบุกเบิกไว้ค่อนชีวิต ให้ครอบครัวดำเนินการต่อ จากที่วางไว้เป็นรูปธรรมมานานปีก่อนหน้านั้น ให้บรรดาคนในครอบครัวบริหารงานกันต่อ ล้วนเป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนจากกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการเสียภาษีให้กับรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกระบวนการทางกฎหมาย
"กำนันเป๊าะ" หนีไปแล้ว แต่อะไรเล่าคือสาเหตุแท้จริงของการต้องหนี...นี่คือคำถามที่ทุกคนต่างถวิลหาคำตอบกัน
เมื่อไม่มีเงาร่าง "กำนันเป๊าะ" หรือ นายสมชาย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลบางแสนคนดัง ปรากฏตัวต่อศาลจังหวัดชลบุรี เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ตามหมายเรียกของศาลเมื่อ 7 เม.ย.2549 ซึ่งศาลจังหวัดกำชับทั้งนายประกันและทนายความให้พาตัวผู้ต้องหาคือ กำนันเป๊าะ หรือ จำเลยที่ 1 ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้วให้มาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา
หลังจากที่ศาลจังหวัดชลบุรีได้ออกหมายเรียกครั้งแรกมีเมื่อ 23 ก.พ.2549 แต่ก็ไร้เงากำนันเป๊าะ มาที่ศาล ครั้งที่สอง ศาลกำชับนายประกัน วันที่ 23 มี.ค. 2549 ให้นำตัวมาศาล แต่กำนันเป๊าะ ไม่มา มีแต่ทางทนายความนำแพทย์มาเบิกความว่า "ป่วย" ศาลจึงเลื่อนให้มาฟังคำพิพากษาให้ได้วันที่ 7 เม.ย.2549 พร้อมริบเงินประกันตัว 1 ล้านบาท
ทั้งกำชับให้นำตัวกำนันเป๊าะ มาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ศาลจังหวัดชลบุรีให้ได้ในวันที่ 10 พ.ค.2549
ซึ่งในคดีดังกล่าวศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกกำนันเป๊าะ ไว้สองกระทง คือ ความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน จำคุกเป็นเวลา 2 ปีและความผิดฐานสนับสนุนให้พนักงานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งทุจริต จำคุก 3 ปี 4 เดือน รวมเป็น 5 ปี 4 เดือน และต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนความศาลชั้นต้น จำคุกกำนันเป๊าะ 5 ปี 4 เดือน
แต่เมื่อกำนันเป๊าะ เลือกทางหนีไม่มาศาลจากครั้งแรก จนถึงการนัดครั้งที่สาม จึงก่อให้เกิดคำถามมากมายขึ้นในสังคมทั่วไปว่า ทำไมกำนันเป๊าะ ต้องเลือกด้วยการหนีเป็นทางเลือก ทางออกสุดท้าย ทั้งๆ ที่ป่วย! และหนีไปไหน? บ้างก็ว่า กำนันเป๊าะ หลบหนีออกไปจากเมืองไทยประมาณสองเดือนก่อนหน้านี้มาแล้ว? และอื่นๆ
นั่นคือเสียงโจษจรรษ์ของผู้คนที่สนใจต่อตัว กำนันเป๊าะ ซึ่งมีทั้งคนที่รักและผูกพันกันมา และคนที่ไม่ชอบกำนันเป๊าะ ซึ่งมีอยู่บ้าง รวมทั้งผู้คนที่สนใจต่อคดีทุจริตการซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้วมูลค่า 98,520,000 ล้านบาท ของเมืองพัทยา อันอื้อฉาวมาเป็นเวลานานถึง 8 ปี นับ ตั้งแต่อัยการนำคดีขึ้นฟ้องร้องชั้นศาล เมื่อปี 2540
แม้ก่อนหน้านั้น ทนายความกำนันเป๊าะ นายสง่า ธนสงวนวงค์ จะได้นำ น.พ.ธนาคม แมนธนานนท์ นายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท มาเบิกความยืนยันให้การต่อศาลถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของจำเลย ซึ่งไม่สามารถมาฟังคำพิพากษาของศาลได้ว่า มีอาการประการใด ป่วยด้วยโรคอะไรบ้าง พลันที่ศาลชลบุรีออกหมายจับ... เป็นหมายเลขที่ 114/ 49 คดีแดง เลขที่ 843/2546 คดีดำเลขที่ 2295/2540 เนื่องจากจำเลยคือกำนันเป๊าะ มีเจตนาหลบหนีการรับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา
นายพลตำรวจโท จงรัก จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 พูดกับสื่อมวลชนถึงเรื่องของกำนันเป๊าะ หลังจากที่ได้นำกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ไปค้นบ้านกำนันเป๊าะที่ชายหาดบางแสน ซึ่งพบกับนางสติล คุณปลื้ม ภรรยาออกมาต้อนรับนำตำรวจค้นหาตัว กำนันเป๊าะ ตามหมายศาลจังหวัดชลบุรี นางสติล บอกกับตำรวจว่า กำนันเป๊าะ ออกจากบ้านไป 7 วันแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปทำข่าวอีกว่า ได้ส่งหมายจับกำนันเป๊าะ ไปทั่วประเทศไปยังกองบัญชาการตำรวจภาคต่างๆ ทั้งส่งหมายจับเพื่อขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ฝั่งประเทศกัมพูชา ด้านชายแดนเขมร-ไทย ที่จังหวัดตราดด้วย เพื่อขอความร่วมมือหากพบว่า กำนันเป๊าะ ไปอยู่ที่นั่น เพื่อนำส่งตัวกำนันเป๊าะ กลับมาไทยตามสนธิสัญญาที่มีกันอยู่ ตามที่มีข่าวแพร่สะพัดกันขณะนั้น
บ้างก็ว่ามีคนไทยนักเดินทางพบเห็นกำนันเป๊าะ ไปโผล่ที่ประเทศอังกฤษไปโน่น
นี่คือที่สุดของคำที่ประชาชนซุบซิบกัน ตามประสาคนดังของประเทศตกเป็นข่าว ว่าหลบหนีออกนอกประเทศไม่กลับมาแล้วไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาทุจริตการซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้ว
แล้ววันอ่านคำพิพากษาชี้ชะตาก็มาถึง....
วันที่ 10 พ.ค.2549 ที่ผ่านมาเวลา 09.45 น.ศาลจังหวัดชลบุรี โดยนางรุ่งรัตน์ วิจิตรจงกล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรีและนายอนุรัตน์ ฤกษ์วิชานันท์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา
โดยสรุปได้ว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 (กำนันเป๊าะ) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบด้วยมาตรา 86 เพียงบทเดียว กำหนดโทษให้คงเดิม ส่วนจำเลยที่ 3 ( นายวินัย สมทรัพย์ )มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบด้วย มาตรา 86 บทหนึ่งและมาตรา 267 ประกอบมาตรา84 อีกสองบท การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 151 ประกอบด้วยมาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด เพียงบทเดียวตามมาตรา 90 กำหนดโทษให้คงเดิม สำหรับข้อหาอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 3 นอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 4 กับให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 เสียจากสาระบบความ นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
คำพิพากษาของศาลฎีกาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินตำบลเขาไม้แก้ว จำคุกกำนันเป๊าะ 3 ปีกับ 4 เดือน ฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต ยกโทษฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอาญาสั่งจำคุกไว้ 2 ปี
จบคดีซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้วอันอื้อฉาวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ซึ่งพล.ต.ต.เสรี เตมียเวส เริ่มจับคดี เมื่อปี พ.ศ. 2537 และอัยการนำคดีฟ้องต่อศาลเมื่อปี 2540 ลง.
แต่สำคัญที่สุดของชีวิตกำนันเป๊าะ ยังมีอีกคดีที่ระทึกใจยิ่ง
ยังมีคดีสำคัญอีกคดี เป็นคดีจ้างวานฆ่าอดีตกำนันตำบลเสม็ด นายประยูรหรือยูร สิทธิโชติ น่าจะเป็นประเด็นใหญ่ เรื่องใหญ่หนักหนาสาหัสกว่า เพราะศาลอาญา กทม.ตัดสินจำคุกไว้ถึง 25 ปี เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547
ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำคุก 25 ปี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2548
คำพิพากษาของทั้งสองศาลตัดสินลงโทษจำคุก 25 ปี ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้คนทุกวงการนำมาสนทนากันจนถึงขณะนี้
คดีดังกล่าวมี กำนันเป๊าะ หรือนายสมชาย คุณปลื้ม ตกเป็นจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยนายภาสกร หอมหวล สมาชิกสภาเทศบาลบางแสน ตกเป็นจำเลยที่ 2 และได้รับประกันตัวออกมาด้วยหลักทรัพย์มูลค่ารวม 32 ล้านบาท ที่มีทั้งพันธบัตรมูลค่า 10 ล้านบาท เงินสดอีก 2 ล้าน สมุดเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาหนองมน 9 ล้าน 9 แสนบาท โฉนดที่ดินตำบลบางพระอีก 40 ไร่ โดยมี นส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรสาวเป็นนายประกัน ยื่นประกันตัว
ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งศาลยังสั่งห้ามจำเลยที่ 1 และที่ 2 เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ที่เป็นประเด็นสำคัญมากขึ้นก็คือคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร สิทธิโชติ อยู่ระหว่างรอฎีกา ซึ่งทางฝ่ายจำเลย(กำนันเป๊าะ)ได้ยื่นฎีกาไปแล้ว ศาลฎีกา จะมีคำพิพากษา ออกมาเมื่อใดนั้น ก็คาดการณ์กันว่าคงไม่นานนักจากนี้ไป ซึ่งอาจจะเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็เป็นได้
โดยคดีจ้างวานฆ่าอดีตกำนันประยูร สิทธิโชติ อดีตกำนันตำบลเสม็ด อ.เมือง.ชลบุรีนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่1นายสมชาย คุณปลื้ม 25 ปี นายภาสกร หอมหวล จำเลยที่2,ไว้ 25 ปี และต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จึงทำให้คำพิพากษาของทั้งศาลอาญาชั้นต้นกับศาลอาญาอุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่ระทึกใจระหว่างรอฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีจ้างวานฆ่าอดีตกำนันประยูร... และยังคงเป็นเรื่องที่น่าระทึกใจของ”กำนันเป๊าะ”ยิ่งขึ้นไปเป็นประเด็นน่าระทึกใจ..กว่าคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อที่ทิ้งขยะเขาไม้แก้ว ซึ่งได้พิพากษาจำคุกแล้ว 3 ปี 4 เดือน ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามติดตามจับกุมตัวกำนันเป๊าะ ตามหมายจับหนีโทษจำคุกอยู่ขณะนี้.
ที่สุดแล้วกำนันเป๊าะก็หนี
สังคมมีคำตอบแล้ว ว่าเป็นเรื่องจริง ครั้งแรกจนถึงครั้งที่สาม เป็นการหนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่จะอ่านที่ศาลจังหวัดชลบุรี และเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2549 นี้เป็นการหนีโทษของศาลฎีกาที่พิพากษาจำคุก 3 ปี4 เดือน ในคดีซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้ว..
ขณะนี้มีปริศนาว่ากำนันเป๊าะ หนีไปไหน หนีอยู่ภายในประเทศไทยหรือหลบหนีออกนอกประเทศ ทั้งเป็นการหนีขณะป่วยจริง ( ตามคำยืนยันการรักษาตัวของแพทย์ ที่มาให้การต่อศาล) และหากอาการป่วยนั้น มีอาการเรื้อรัง!ตามที่แพทย์ระบุไว้
แล้วจะไปพบแพทย์ท่านอื่นๆ เพื่อรักษาตัวได้อย่างไร เนื่องจากอาการของโรคสองสามโรคที่นายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท นพ.ธนาคม แมนธนานนท์ วินิจฉัยไว้ ทั้งบอกศาลว่าได้เคยไปตรวจกำนันเป๊าะที่บ้านหลังหนึ่งตรงกันข้ามกับที่ทำการเทศบาลแสนสุขวันที่ 21 มี.ค.2549 ว่ากำนันเป๊าะ มีอาการหอบ ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบ อาจติดเชื้อทางระบบหายใจ(รักษาประมาณ 10-15 วัน)
ประกอบกับประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กทม.มีเรื่องความดันโลหิตสูง แข้งขาอ่อน เส้นเลือดในสมองตีบ ถุงลมโป่งพอง มีอาการเพิ่มขึ้น อาการของโรคเรื้อรัง จะต้องให้ยาประจำ รวมทั้งออกซิเจน
ซึ่งผู้คนในวงการแพทย์....กล่าวถึงกันว่า หากเป็นไปตามคำวินิจฉัยของแพทย์ที่ตรวจอาการคนไข้กล่าวมานั้น อาการของโรคที่ กำนันเป๊าะ เป็นอยู่ทำให้จะต้องพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา หากไม่พบแพทย์เป็นระยะเวลานานเกินไป กล่าวได้ว่า อาจจะได้รับอันตรายจากโรคดังกล่าวได้แบบเฉียบพลัน!
ส่วนตัวกำนันเป๊าะนั้นเป็นผู้ที่สูบบุหรี่จัดคนหนึ่ง เคยเว้นหยุดไม่สูบไประยะหนึ่งแต่ก็กลับมาสูบอีก ทั้งสูบจัดเพิ่มขึ้น บุหรี่เป็นอันตรายต่อตัวกำนันเป๊าะเองยิ่งนัก
ขณะนี้เป็นห้วงเวลาซึ่งเมื่อกำนันเป๊าะ ตัดสินใจเลือกทางหนี แทนการเข้ารับโทษจำคุก เป็นทางออกสุดท้าย เป็นหนทางไปสู่ การแก้ไขเรื่องวิกฤติครั้งร้ายแรงสำหรับชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวของ กำนันเป๊าะ
ที่สุดแล้วระหว่างการหลบหนีของกำนันเป๊าะ ย่อมมีผลกระทบกระเทือนทางการเมืองเรื่องเลือกตั้ง ไม่มากก็น้อย จากระดับล่างสุดไปจนถึงระดับชาติ ทั้งกระทบต่อชื่อเสียงที่สร้างสมมายาวนาน และอาจจะส่งผลต่อธุรกิจการลงทุนของครอบครัวก็มีอยู่ รวมทั้งกิจการต่างๆที่เคยมีของบริษัทในเครือ รวมทั้งบริษัทของบรรดาหัวคะแนนมีระดับ ที่ย่อมผูกพันกับเงินงบประมาณโครงการงานต่างๆของหน่วยงานองค์กรพื้นที่ของท้องถิ่นทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นที่เทศบาลเมืองพัทยา อันมีงบประมาณปีละหลายพันล้านบาท
ไปจนถึงบรรดาเทศบาลต่างๆ ทั้งหมด เป็นเงินจำนวนมหาศาลแต่ละปี มีทั้งเงินงบประมาณ การก่อสร้างถนนหนทาง ลอกคลอง สร้างท่อระบายน้ำ ปลูกต้นไป และอื่นจิปาถะ
ส่วนงบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีงบประมาณมากกว่าเทศบาลเมืองพัทยา เงินงบประมาณปีละมากกว่าหลายพันล้านบาทเงินงบประมาณเหล่านี้จะถูกจัดใช้ไปในใครงการใด ทิศทางใด ใครจะเป็นผู้กำหนด ล้วนเป็นเรื่องน่าสนใจไม่แพ้กัน
เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา กำนันเป๊าะเข้าไปมีบทบาท กับเงินงบประมาณจำนวนมากเหล่านั้นเพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นสร้างความเจริญกับชนบทมามากต่อมาก ในฐานะผู้ประสานแผนการพัฒนาจังหวัด ซึ่งผู้นำองค์กรต่างๆให้การยอมรับ
เมื่อกำนันเป๊าะไม่อยู่เสียคน โดยมีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้ว สั่งจำคุกถึง 3 ปีกับ 4 เดือน เป็นชนัก
ในปีนั้น”องค์กรของกำนันเป๊าะ” ก็เหมือนเรือที่ขาดกัปตันสั่งการ ทั้งภาวะที่ทำให้กำนันเป๊าะ ประสบกับมรสุมชีวิตครั้งร้ายแรงครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งนี้ นอกจากจะตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมทุกชนชั้น ทุกกรณี จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งครอบครัวของ กำนันเป๊าะ คงต้องดำเนินการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ด้วยความระมัดระวัง ต้องตั้งรับมากกว่าที่เคยเป็นอยู่เป็นพิเศษ และคงยังต้องเล่นอยู่กับมวลชนพื้นที่ต่อไป อย่างที่หนีออกห่างไม่ได้ ต้องเล่นและอยู่กับมวลชนอย่างหนักหน่วงขึ้นด้วย
ส่วนอนาคตการเป็นผู้แทนราษฎรของลูกๆและหลานของ กำนันเป๊าะ จากนี้เป็นต้นไป แต่ละคนกำลังตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายตั้งรับ ตั้งอยู่บนความประมาทมิได้เป็นอันขาด เพื่อพยุงฐานะทางการเมืองให้แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องทุกอย่างที่อาจจะมีมาและอาจจะเกิดขึ้นมา แบบที่ไม่มีใครคาดฝัน
เพราะท่ามกลางกระแสขับไล่นายกรัฐมนตรี”คนหน้าเหลี่ยม”ท่ามกลางกระแสการต่อต้านระบอบคนหน้าเหลี่ยม เบื่อคนหน้าเหลี่ยม เบื่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ยังคงเชี่ยวกราก ลามไปทั่วประเทศ ไชรากลึกลงไปตามหมู่บ้าน ตามตำบลต่างๆ
โดยมีประชาชนนับล้านๆคนที่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงต่างพากันเกลียดชัง...ระบอบพวกมากลากกันไป รับเหมางานก่อสร้างกันในวงการนักการเมืองของฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งนับวัน ยิ่งมีประชาชนคนที่ต่อต้านเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งกำลังกลายเป็นคนส่วนใหญ่ กลายเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศดังมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องการระบอบของคนหน้าเหลี่ยมอีกต่อไป ซึ่งทำให้เป็นเรื่องที่คาดการณ์ประมาณได้ว่า วิถีทางของนักการเมืองไทยแต่ละคน ต่อไปนี้จะเป็นเช่นไร ไม่เว้นแม้นักการเมืองฝ่ายค้านก็ตามที ไม่เจาะจงอยู่กับฝ่ายรัฐบาลแต่ถ่ายเดียวแล้ว
จากเสียงประชาชนพากันพูดให้ได้ยินว่า นักการเมืองต่อไปนี้ จะต้องเป็นคน มีจริยธรรม มีคุณธรรม ที่พร้อมให้ตรวจสอบทรัพย์สินได้ ต้องไม่เป็นผู้กำหนดนโยบาย โครงการต่างๆเอง แล้วรับเหมาก่อสร้างเอง โดยใช้เงินจากภาษีอากรที่
แล้วหากวันใด การเมืองภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด มีประชาชนคนดีๆดังว่ามาลงสมัคร์เข้ารับการเลือกตั้ง เล่นการเมืองกันมากๆเข้า เป็นคน ที่มีความรู้ มีธรรมในหัวใจ ไม่ฉ้อไม่โกง
ส่วนพรรคการเมืองทั่วๆไป ถ้าคัดสรรผู้สมัครที่ดี มีความรู้ตรงใจกับประชาชนได้ เป็นผู้ที่มีกิจกรรมรับใช้สังคมมาโดยตลอด ให้ประชาชนได้มีทางเลือก
เมื่อนั้นการเมืองภาคตะวันออก 4 จังหวัด ก็ถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายผู้เป็นผู้แทนราษฎร เปลี่ยนถ่ายอำนาจขององค์กรต่างๆที่ต้องเลือกตั้งอีกหลายองค์กร กันวันนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้
สำหรับตัวกำนันเป๊าะหนีศาลครั้งล่าสุดและศาลชลบุรีอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา พิพากษาจำคุก 3 ปี 4 เดือนนั้น ศาลได้ออกหมายจับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวมารับโทษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มารับหมายศาลไปแล้ว เพื่อดำเนินการพยายามตามจับตัวมารับโทษต่อไป ช่วงเวลาระหว่างการหลบหนีไม่มารับโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ของกำนันเป๊าะ ทำให้เกิดการความว่างเปล่าหยุดนิ่ง ต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
และจะทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.สภาใหญ่ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง บางจังหวัดภาคตะวันออก มีการกล่าวกันว่า สำหรับกำนันเป๊าะแล้ว การมี....คนรักเท่าผืนหนัง..ไม่ว่ากัน
แต่ที่มี...คนชังเท่าผืนเสื่อนั้น
คำกล่าวเป็นคำพังเพยที่มีมาแต่โบราณ ย่อมไม่มีใครจะมองเห็นผลบางประการในทันทีและกล่าวถึงผลนั้นได้ ว่า..อย่างไรและอย่างไร !!
แน่นอนว่าถ้าใครที่เคยได้อ่าน นวนิยายจากเรื่องจริงของบรรดาเจ้าพ่อมาเฟีย เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ชื่อเดอะก็อดฟาเธอร์ ซึ่งแปลมาจากนวนิยายขายดี มีย่อหน้าคำคมของ “บาซาค” ว่าไว้ว่า.. เบื้องหลังความร่ำรวยต้องมีอาชญากรรม
เดอะ ก็อดฟาเธอร์ เป็นนวนิยายมาเฟียอิตาลีบนผืนแผ่นดินอเมริกา ที่ขายดีทั่วโลกและในเมืองไทยเราในปีนั้น
และเบื้องหลังของความร่ำรวยต้องมีอาชญากรรมประกอบไปด้วยนั้นเป็นเรื่องจริง ! ทั้งบ่งบอกความนัยของบรรดาคนร่ำรวยคนดังๆตามภูมิภาคในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ทั้งหลายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นที่ต่างประเทศแถบภาคพื้นใหนๆก็ตามหรือในประเทศไทยเรา..ก็ๆไม่อยู่ในข้อยกเว้น
สำหรับคดีกำนันยูร..หากมีใครบางคนหรือหลายคนที่ได้อ่านแฟ้มสำนวนคดี ซึ่งมีข้อความน่าระทึกบางความ บ่งบอกนัยะ เรื่องราวระหว่างบุคคล ความแค้นเคือง ที่ขัดขวางการทำอะไรผิดกฎหมาย
บอกถึงเรื่องการอุ้มฆ่าและล้างแค้นกัน ของบริษัทบริวาร รวมทั้งความระวังระไว ต่อความปลอดภัยของบุคคล รวมการค้าของผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย แต่ทุกอย่างล้วนอยู่กับคำพิพากษาของศาลฎีกาเป็นสำคัญ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ต.2555 คดีกำนันยูร ศาลฎีกาพิพากษายืน. ที่ห้องพิจารณาคดี801 ศาลอาญา เวลา09.00น. ศาลนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1988/5-2546 โดยมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ฟ้องนายสมชาย คุณปลื้มหรือกำนันเป๊าะอายุ73 ปี อดีตนายกเทศมนตรีตงแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรีและนายภาสกร หอมหวลหรือ ส.ท.เหี่ยว อายุ 44 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแสนสุข ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-ที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน..
โดยในวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย เนื่องจากจำเลยทั้ง2มีพฤติกรรมหลบหนีไปไม่มาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้ว....
สรุปว่า คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษา 21 มิ.ย.2547 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คนละ 25 ปี โดยให้นับโทษ จำเลยที่ 1 ต่อจากคดีแดงที่ 843/2548 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะ อีก 5 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่1ไว้ 30 ปี 4 เดือน ต่อมาจำเลยขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง อ้างว่าไม่ได้มีความผิดตามฟ้องและไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน..
ต่อมาคดีนี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2548 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืนโดยมีคำสั่งให้ออกหมายจำคุกจำเลยทั้งสอง และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา...
ก็เท่านั้นสำหรับชีวิตคนทั่วไป ไม่ว่าสูงสุดแค่ไหน ต่ำสุดอย่างไร
วิบากมีกรรม ทำบุญมีอนิสงค์ เรื่องของคน ของชีวิตคน ไม่ช้าก็เร็ว ล้วนพบจุดจบกันทุกคน ไม่มีใครหนีไปได้พ้น นี่ช่างเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ทุกคนย่อมหนีไม่พ้น ไม่มีผู้ใดพยากรณ์ได้.นี่คือชีวิตจริง ชีวิตของคน ที่เป็นวัฎจักร
แม้ว่ากำนันเป๊าะหนีโทษจำคุกไปแล้วก็ตาม .. แต่ศักยภาพขององค์กรที่กำนันเป๊าะจัดตั้งไว้ เป็นฐานเสียงแห่งการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่แข็งแกร่งมาก(คะแนนสส.เขตสามหมื่นขึ้นไป จากแต่ละเขตเลือกตั้ง คะแนน สว.สี่หมื่นถึงห้าหมื่น จาก8 เขตเลือกตั้ง สะท้อนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ดี) ยากที่นักการเมืองคนใด จากพรรคการเมืองอื่นๆจะเจาะฐานเสียงของกำนันเป๊าะได้
นั่นก็สะท้อนชีวิตการทำงานต่อสังคมท้องถิ่นและความดีของกำนันเป๊าะได้ดี ซึ่งเขากำนันเป๊าะทำให้คนที่เป็นผู้นำองค์กรต่างๆยอมรับนับถือ ความจริงใจของเขา การวางรากฐานการจัดตั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้เล่นๆ ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ต้องใจถึงใจและการจัดการทางด้านการเงินการทอง อย่างเสียสละ ไม่ร่ำรวยแต่เพียงคนเดียว ต้องนำพาคนอื่นๆไปด้วย ทั้งต้องจัดการเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ลงตัว
ซึ่งมีแต่กำนันเป๊าะเท่านั้นที่ทำได้ จนองค์กรของกำนันเป๊าะ เป็นปึกแผ่นมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนภาพหลายภาพของกำนันเป๊าะ ว่ามีศักยภาพ มีบารมี มีความเป็นผู้นำองค์กรท้องถิ่นได้ดีเช่นไร
ข้าราชการทุกกรมกอง จากกระทรวงต่างๆ ที่มารับราชการในภูมิภาคนี้ ต้องมาสวามิภักดิ์ เท่าที่มีโอกาสจะทำได้ ในวันสำคัญต่างๆและโอกาสต่างๆกัน.
เช่นว่าเมื่อถึงวันสงกรานต์ของแต่ละปี กำนันเป๊าะ ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมารดน้ำดำหัวในงานวันสงกรานต์ได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ธรรมดา แทนที่กำนันจะพาลูกบ้านไปรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด ณ จวนที่พัก นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้น...ของตัวอย่างอีกมากหลายด้วยกัน
รวมทั้งผู้คนในท้องถิ่น ที่จะลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ต้องเข้าไปหา ไปถ่ายภาพร่วมกับกำนันเป๊าะ แล้วนำภาพถ่ายไปติดป้ายโฆษณาบ้าง เอาภาพไปลงหนังสือพิมพ์ทั้งในท้องถิ่นและหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์มาจากทม.บ้าง เพื่อให้ประชาชนคนที่รักกำนันเป๊าะเห็นว่า นี่คือคนที่กำนันเป๊าะสนับสนุน จึงมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนที่รักกำนันเป๊าะเลือกเข้าไปมีบทบาทในสภาท้องถิ่นหรือเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน
แต่คนเรานั้นมีดี ก็ต้องมีเรื่องไม่ดีปะปนอยู่ น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตอีกเช่นกัน มิใช่หรือ? กรณีของกำนันเป๊าะก็เป็นตัวอย่างให้สังคมไทยได้ทราบได้เห็นกันแล้ว (ส่วนชีวิตบางเสี้ยวผลงาน ความดีความงามของกำนันเป๊าะที่ทำให้สังคมท้องถิ่น ที่มีการรับรู้กันมากต่อมาก เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ก็มีอยู่มาก ล้วนแต่เรื่องของสังคมเด่นๆทั้งสิ้น แต่ถ้าจะกล่าวถึงที่นี้ ย่อมไม่เหมาะแก่เวลา การเพ่งเล็งของสังคมและต่อคดีความที่ยังอยู่ในชั้นศาลสถิตยุติธรรม อันเป็นการมิบังควร ที่จะเขียนหรือกล่าวถึงในชั้นนี้)
เมื่อ 10 พ.ค. 2549 คำพิพากษาของศาลฎีกาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินเขาไม้แก้ว ได้ตัดสินพิพากษาจำคุก ในทางพิจารณาคดีถือว่าสิ้นสุดลง
อาจกล่าวได้ว่า คำพิพากษาศาลฎีกา เป็นการปิดฉากตำนานของคนที่ถูกเรียกขานนามว่า “เจ้าพ่อตะวันออก”(ซึ่งบอกว่าเกลียดคำๆนี้มาก) ผู้ยิ่งยงลงชั่วคราวแล้ว ด้วยโทษจำคุก 3ปีกับ 4 เดือน ทั้งมีอีกคดีอาญารออยู่อีก....
เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์รัชฎาฯพิพากษาจำคุกไว้ถึง 25 ปีด้วยกัน จึงเป็นเรื่องน่าระทึกใจยิ่งของกำนันเป๊าะ…ในขณะนั้น..
สุดท้ายก็ต้องมีวันนี้ของ เจ้าพ่อภาคตะวันออกอย่าง กำนันเป๊าะ
ในที่สุดแล้ววันนี้ 30 ม.ค.2556 กำนันเป๊าะ หรือนายสมชาย คุณปลื้ม อดีตกำนัน อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุขหลายสมัย ก็ถูกจับบนทางด่วนมอร์เตอร์เวย์ กทม. กำนันเป๊าะ ที่ลูกๆ ของกำนันเป๊าะ เพิ่งจัดงานครบรอบวันคล้ายวันเกิดไปเมื่อ 30 ก.ย.2555 ที่บ้านแสนสุข ซึ่งมีนักการเมือง บรรดาข้าราชการและนักการเมือง ในท้องที่ไปอวยพรวันเกิดกันอย่างคับคั่งทุกๆปี ไม่เว้นแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด กำนันเป๊าะ เกิดวันที่ 30 กันยายน ปี.พ.ศ.2480 (ปีฉลู) อายุเข้า 76 ปี
กำนันเป๊าะ เป็นผู้มากบารมีในพื้นที่ มีหน่วยสืบของตำรวจติดตามข่าวกำนันเป๊าะมาเป้นลำดับ ลือกันว่าไปอยู่ที่เขมรบ้าง ร่ำลือกันว่ามีผู้คนจากชลบุรี บินไปพบที่เวียดนามบ้างหรือลือไกลกันไปถึงว่ามีบ้านพักอยู่ที่ออสเตรเลีย..ที่สำคัญก็คือร่ำลือกันว่า อยู่ที่บ้าน”บางแสน”..นั่นเอง ซึ่งข่าวลือนี้สุดแต่จะว่ากันไป...จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้วันนี้..
และครั้งสุดท้ายการตรวจร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยว..และมีข่าวกำนันเป๊าะ ถูกแพทย์บอกว่า อย่าได้ “สูบบุหรี่”จัดเหมือนเดิม กำนันเป๊าะในอดีต สูบบุหรี่ตรา 555 มากกว่าวันละ 3-4 ซอง ทั้งมีข่าวเล่าข่าวลือแพร่ สะพัดออกมานานแล้วว่า..พบอะไรบางอย่างผิดปรกติที่ลำคอ..อาจจะเป็นโรคร้ายที่ไม่ต้องการเป็นได้..และต้องมาพบแพทย์ที่วางใจได้เป็นเป็นประจำ...
แสดงว่าในช่วงหลังๆที่พรรคพลังชลได้เข้าร่วมเป็นรัฐบาลขณะนี้นั้น กำนันเป๊าะ วางใจในบารมีเกินไป?..
ทำให้ผู้คนเชื่อกันว่านี่คงเป็นวิบากกรรมที่คนเราทุกคนต้องเผชิญหน้ากับวิบากกรรมนั้นว่า กฎแห่งกรรมมีจริง!
ถึงแม้ว่า จะมีสส.อยู่ในมือยกจังหวัดเหลือให้ประชาธิปัตย์1คน ลูกชาย1คนเป็นนายกเมืองพัทยา อีกคนเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ส่วนคนโตเป็นรัฐมนตรีฯ บวกกับมีบารมีเพิ่มขึ้น เมื่อได้เข้าร่วมรัฐบาล..
แต่.. จะอย่างนั้นหรือ? ก็ยังเป็นที่วิพากษ์กันไปทั้งภาคตะวันออก และทั่วไปในยุทธภพของผู้มากบารมี..
ก็คงต้องถกเถียงหาสาเหตุกันต่อๆไป!.