อุบลราชธานี - กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เจรจาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยังราบรื่น โดยตกลงขณะเขตแดนไม่ชัดเจนห้ามทุกฝ่ายทำสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ พร้อมชวนกัมพูชาร่วมปราบกลุ่มลอบตัดไม้พะยูงตามแนวชายแดน หากเป็นเจตนากระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายของประเทศนั้น แต่หากเป็นการเดินพลัดหลงโดยไม่เจตนาให้ส่งตัวคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมคณะนายทหารและฝ่ายปกครองของจังหวัดอุบลราชธานี นัดพบปะหารือกับ พล.ท.วา เซือน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 จ.พระวิหาร โดยมีข้อตกลงร่วมมือกันเข้มงวดการลักลอบตัดไม้พะยูง และการเดินพลัดหลงข้ามเขตแดนตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ หากพบเป็นการกระทำผิดโดยไม่ตั้งใจให้ส่งตัวคืน
แต่หากเป็นเจตนาจงใจกระทำผิด ให้แต่ละฝ่ายดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที
รวมทั้งปัจจุบันเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศยังไม่มีความชัดเจน จะต้องไม่มีการก่อสร้างสิ่งถาวรใดๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมของเจ้ากรมกิจการชายแดนไทยและกัมพูชาที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา
รวมทั้งเมื่อเกิดปัญหาให้ทั้งสองฝ่ายติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และให้ประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาสามารถเดินทางข้ามแดนแบบเช้ามาเย็นกลับ
โดยมีพื้นที่ไม่เกิน อ.จอนกระสาน ของกัมพูชา และ อ.น้ำยืนของไทย ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซีในอนาคต
หลังการหารือ ทหารไทยและกัมพูชาได้จัดแข่งขันกีฬาเปตองแและวอลเลย์บอล โดยมีประชาชนทั้งสองฝ่ายร่วมชมและเชียร์กันแน่นลานกีฬาบนช่องอานม้า ผลการแข่งขันปรากฏทหารกัมพูชาที่มีความแข็งแรงกว่า สามารถเอาชนะไปได้ทั้งสองประเภท
สำหรับช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีนั้น เป็นที่ตั้งทางทหารที่สำคัญของทหารทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายไทยมีกรมทหารพรานที่ 23 เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย ส่วนกัมพูชามีทหารประจำจังหวัดเป็นผู้ควบคุมพื้นที่ ซึ่งเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากช่องอานม้าราว 40 กิโลเมตร
แต่ทหารทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการปะทะกันเกิดขึ้น เพราะมีการหารือปรับความสัมพันธ์ของทหารทั้งสองฝ่ายมาอย่างต่อเนื่อง