สุรินทร์- ภาคประชาชนอีสานใต้กว่า 100 คนบุกชายแดน “ช่องปลดต่าง” อ.กาบเชิง สุรินทร์ แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย และค้านอำนาจศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร พร้อมพบคณะกรรมมาธิการทหาร วุฒิสภา ขณะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตานโยบายความมั่นคง ด้านแก๊งแดงสุรินทร์หัวใจทาสเขมรโผล่หัวต้านอีก
วันนี้ (26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ ที่บริเวณหน้าเขตอนุรักษ์พันธุ์ป่าห้วยทับทัน ห้วยสำราญ ทางขึ้นไปยังช่องปลดต่าง ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย (อีสานใต้-ตะวันออก) พร้อมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.สุรินทร์-บุรีรัมย์ กว่า 100 คน นำโดย นายวีรพันธ์ มาลัยพันธ์ นายสนิท ปานทอง นายสุทิศ เอี่ยมสะอาด แกนนำกลุ่มเครือข่ายร่วมพลังปกป้องแผ่นดินไทยฯ และ นางสำเนียง สุพรรณภพ ได้พากันมาแสดงพลังปกป้องผืนแผ่นไทย และประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกในการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร โดยนำป้ายข้อความต่างๆ มาชูประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน
จากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักรอพบคณะของ นายประสงค์ อนุรักษ์ คณะกรรมาธิการทหาร วุฒิสภา ที่เดินทางลงพื้นที่เพื่อปะชุมรับทราบติดตามการดำเนินงานตามนโยบายความมั่นคงชายแดนในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง โดยมีกำหนดเข้าร่วมประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก ทหารหน่วยเฉาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี นายอำเภอกาบเชิง และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ที่ห้องประชุมในสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ
ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาบเชิง และเจ้าหน้าที่เขตอนุรักษ์พันธุ์ป่า มาดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ
จนกระทั่ง นายประสงค์ อนุรักษ์ คณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา พร้อมคณะเดินทางมาถึง และได้ลงจากรถมาพบปะกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปักหลักรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมบอกวัตถุประสงค์ในการต้องเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ ว่า จะเน้นในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงชายแดนเป็นหลัก ส่วนเรื่องเขตแดน และอื่นๆ จะต้องมีการหารือกันต่อไป
พร้อมกันนี้ นางสำเนียง สุพรรณภพ แกนนำกลุ่ม ได้นำ นางอม โสมศรี อยู่หมู่ที่ 3 ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากกรณีถูกดำเนินคดีครอบครองไม้พะยูง ตั้งแต่ปี 2552 ถูกสั่งปรับ 1 แสนบาท ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าปรับแล้ว 2 หมื่นบาท และยังค้างอยู่อีก 8 หมื่นบาท ซึ่งหมดหนทางที่จะหาเงินมาเสียค่าปรับดังกล่าวได้ เพราะฐานะยากจน และอาศัยอยู่กับลูกที่พิการ และ นายศรี เกรงจบ ชาวบ้านหมู่บ้านเดียวกัน เดือดร้อนจากการถูกเจ้าหน้าที่ขับไล่ไม่ให้เข้าไปทำกินในที่ดินของตัวเอง มาขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมาธิการทหาร วุฒิสภา เนื่องจากขณะนี้ได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างหนัก จากการปฏิบัติหน้าของทางฝ่ายราชการ
จากนั้น กลุ่มเครือข่ายร่วมพลังปกป้องแผ่นดินไทยฯ และกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขอเข้าไปฟังการประชุมในห้องประชุมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ส่งตัวแทนเข้าไปรับฟังการประชุมได้ 4 คน โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด
หลังจากประชุมแล้วเสร็จ ทางฝ่ายทหารได้นำคณะกรรมาธิการทหาร วุฒิสภา พร้อมตัวแทนภาภประชาชน 4 คน เดินทางขึ้นไปสังเกตการณ์บริเวณจุดชมวิว ช่องปลดต่าง สุดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนลงมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม และชาวบ้านที่ยังปักหลักรออยู่ ที่บริเวณหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าฯ ก่อนเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำตาเกาว์ ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง ห่างจากที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ไปประมาณ 1 กิโลเมตร (กม.) ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง จ.สุรินทร์ ประมาณ 10 คน ได้มารวมตัวกันคัดค้านการเคลื่อนไหวปกป้องแผ่นดินไทย และต้านอำนาจศาลโลก ของกลุ่มเครือข่ายรวมปกป้องแผ่นดินไทยฯ และกลุ่มพันธมิตรฯ ดังกล่าว แต่ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงออกด้วยความสงบไม่มีการเผชิญหน้า และไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด