พระนครศรีอยุธยา - นายกเทศมนตรีตำบลนครหลวง กรุงเก่า นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแนวตลิ่งริมแม่น้ำป่าสักทรุดยาวกว่า 300 เมตร พร้อมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ปัญหา หวั่นบ้านประชาชน 9 หลังคาเรือน รวมถึงกุฏิโบราณกว่า 100 ปีพัง
วันนี้ (28 ม.ค.) นายบุญส่ง กลิ่นสวาทหอม นายกเทศมนตรีตำบลนครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบแนวตลิ่งริมแม่น้ำป่าสัก ด้านหลังวัดโตนด หมู่ที่ 5 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา หลังเกิดการทรุดตัวพังทลายลงไปในแม่น้ำป่าสักยาวกว่า 300 เมตร และพบต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำยุบต่ำลงไป เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลนครหลวงต้องตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ออกเพราะรากของต้นไม้จะดึงบ้านเรือนหลายหลังพังลงไปด้วย พร้อมกับนำป้ายเตือนพื้นที่อันตรายมาติดเอาไว้
นางสุรีรัตน์ ศริ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 92 ม.5 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า แนวตลิ่งบริเวณหลังวัดโตนดได้เกิดสไลด์และยุบตัวลงมาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นปี 2556 ที่ผ่านมา แต่มาทรุดตัวมากเมื่อช่วงเช้าวันนี้ จนทำให้เขื่อนของทางวัดที่สร้างไว้พังทลายลงไปในแม่น้ำจนเกือบถึงกุฏิไม้โบราณอายุกว่า 100 ปี เหลืออีกเพียง 1.5 เมตรจะถึงตัวกุฏิ
“นอกจากนี้ บ้านเรือนอีกประมาณ 9 หลังที่อยู่ริมตลิ่งแม่น้ำป่าสักยังได้รับผลกระทบไปด้วย บ้านบางหลังเสาบ้านถึงกับหัก แตก ร้าว รวมถึงบ้านตัวเองที่ย้ายหนีมาเมื่อ 2 ปีก่อน ไม่เช่นนั้นคงพังทลายลงไปนานแล้ว ซึ่งวันนี้ดินได้ทรุดยุบตัวติดใกล้กับตัวบ้านหวั่นเกรงว่าจะพังลงไป โดยก่อนหน้านี้ไม่ถึง 1 อาทิตย์แนวพื้นบ้านก็สไลด์ลงไปแล้ว” นางสุรีรัตน์กล่าว
ด้านนายบุญส่ง กลิ่นสวาทหอม นายกเทศมนตรีตำบลนครหลวง กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ดินตลิ่งของแม่น้ำป่าสักยุบตัวลงน่าจะมาจากที่น้ำในแม่น้ำป่าสักแห้งลงไปมากกว่าปกติที่ในหน้าแล้งถึง 1.50 เมตร เมื่อน้ำลดลงไปมากตลิ่งซึ่งไม่มีน้ำดันเอาไว้จึงได้ยุบตัวลง และอีกสาเหตุน่าจะเกิดจากเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ท้องเรือกินน้ำลึกได้ทำให้เกิดคลื่นกัดเซาะแนวตลิ่งและท้องเรือขูดกับพื้นดินใต้น้ำ ทำให้ดินด้านบนไม่มีที่รองรับน้ำหนักเกิดยุบตัวลงมา
นายบุญส่งกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ประกาศเป็นเขตอันตรายห้ามเข้าแล้ว และหากปัญหาขยายตัวจะกระทบต่อบ้านเรือนอีก 9 หลังอาจต้องให้ย้ายออก ซึ่งเทศบาลฯ ได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับไว้ล่วงหน้าที่หอประชุมเทศบาลฯ หากมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น
“ผมได้รายงานให้ผ่านอำเภอนครหลวงไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือแล้ว ในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจาก อบจ.พระนครศรีอยุธยาในการนำรถแบ็กโฮเพื่อปรับพื้นที่แนวตลิ่งที่ทรุดตัวลงไป และทำการตอกเข็มกันแนวตลิ่งที่ทรุดตัว และจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าการทรุดตัวจะเพิ่มอีกหรือไม่ หากพบว่ามีการทรุดตัวเพิ่มจะต้องอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตรายทันที โดยได้เตรียมหอประชุมของเทศบาลฯ เอาไว้รองรับชาวบ้านแล้ว” นายบุญส่ง กลิ่นสวาทหอม นายกเทศมนตรีตำบลนครหลวง กล่าว