ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ชาวคะฉิ่นรวมตัวยื่นหนังสือถึงรัฐบาลจีนและสหรัฐฯผ่านสถานกงสุลใหญ่จีน-สหรัฐฯ เรียกร้อง 2 ชาติมหาอำนาจกดดันรัฐบาลพม่าขึ้นโต๊ะเจรจา-ยุติการปราบปรามชาวคะฉิ่น พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยอีกนับแสน ยันกองทัพพม่าสุดโหดเดินหน้าปราบปราม-ก่ออาชญากรรมกับคนคะฉิ่น หลังไม่พอใจที่ชาวคะฉิ่นไม่เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน
วันนี้ (25 ม.ค. 2556) กลุ่มชุมชนชาวคะฉิ่นในประเทศไทย จนวนประมาณ 100 คน เดินทางมายังสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประกาศแถลงการณ์และยื่นหนังสือต่อรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เรียกร้องให้เข้ามามีบทบาทในปัญหาการปราบปรามชาวคะฉิ่นของกองทัพพม่า
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านทางเจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลใหญ่ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในประเด็นเดียวกัน
การชุมนุมของกลุ่มชาวคะฉิ่นในประเทศไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้จีนและสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาการปราบปรามกองทัพอิสรภาพคะฉิ่น (Kachin Independence Army - KIA) และพลเรือนชาวคะฉิ่นของกองทัพพม่าตลอด 19 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในเดือน มิ.ย. 2554 ซึ่งส่งผลให้ชาวคะฉิ่นจำนวนกว่า 100,000 คนต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัยไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องที่กลุ่มชุมชนชาวคะฉิ่นต่อรัฐบาลจีน ประกอบด้วยการเรียกร้องให้จีนกดดันรัฐบาลและกองทัพพม่าให้เข้าสู่การเจรจาในระดับชาติเพื่อแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าว แทนที่จะโจมตีใส่พลเรือนชาวคะฉิ่น การเปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่นที่หลบหนีจากการทำร้ายและการละเมิดสิทธิของกองทัพพม่าข้ามไปยังประเทศจีนพร้อมทั้งจัดให้ผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่นมีที่พักพิงอย่างปลอดภัย และการอนุญาตให้หน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ สามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือต่อชาวคะฉิ่น ที่อพยพหลบหนีอยู่ตามแนวพรมแดนประเทศจีนได้อย่างเป็นอิสระ
ุ
ขณะที่ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย การขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับพลเรือนผู้พลัดถิ่นตามค่ายผู้อพยพรอบเมืองไหลซาและบริเวณอื่นๆตามแนวพรมแดนจีน-คะฉิ่น การใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้ามากับรัฐบาลพม่าอีกครั้ง การกดดันเพื่อให้รัฐบาลจีนยินยอมอนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) สามารถตั้งสำนักงานบริเวณพรมแดนจีน-คะฉิ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่นได้ การกดดันให้ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาตินำกรณีปัญหารัฐคะฉิ่นเข้าพิจารณา และกดดันให้รัฐบาลพม่ายอมเข้าสู่การเจรจาทางการเมืองในระดับชาติอย่างแท้จริง
กลุ่มชุมชนชาวคะฉิ่นในประเทศไทยระบุว่า นับตั้งแต่กองทัพพม่าได้เริ่มทำการโจมตีกองทัพอิสรภาพคะฉิ่น พบว่า ทหารพม่าโจมตีและทำร้ายทั้งทหารของกองทัพอิรภาพคะฉิ่นและพลเมืองชาวคะฉิ่น โดยมีการก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบต่อชาวคะฉิ่น ไม่ว่าจะเป็นการเผาทำลายหมู่บ้าน การสังหารพลเรือน การจับกุมและข่มขืนกระทำชำเรา หรือแม้กระทั่งการสังหารเด็ก ทำให้ชาวคะฉิ่นและชนชาติอื่นๆ ในรัฐคะฉิ่นและพื้นที่ตอนเหนือของรัฐฉานได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ รัฐบาลพม่ายังไม่พยายามใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่กลับทำการโจมตีฐานที่มั่นของชาวคะฉิ่นที่เมืองไหลซาด้วยกำลังทหาร อากาศยาน และอาวุธหนักต่างๆ อย่างรุนแรงมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลพม่าที่นำโดยประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ไม่ได้ดำเนินการตามโครงการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยที่รัฐบาลเคยประกาศเอาไว้แต่อย่างใด
การโจมตีกองทัพอิสรภาพชาวคะฉิ่นซึ่งมีขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. 2554 เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอิสรภาพชาวคะฉิ่นปฏิเสธที่จะทำหน้าที่เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force - BGF) ตามนโยบายของรัฐบาลพม่า นำมาสู่การเข้าโจมตีองกองทัพพม่าซึ่งถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาหยุดยิงที่ดำเนินมากว่า 17 ปี และทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามเป็นการสู้รบอย่างรุนแรงตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา