xs
xsm
sm
md
lg

ตร.บุรีรัมย์ลุยตรวจ 2 ลานมันโกงจำนำ 212 ล. - แฉ “อคส.” ยื้อไม่ส่งหลักฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจ สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ลุยตรวจ 2 ลานมัน เพื่อหาข้อมูลเบาะแสโกงโครงการจำนำมันสำปะหลังเสียหาย 212 ล้านบาท ที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้ (23 ม.ค.)
บุรีรัมย์ - ตำรวจ สภ.หนองกี่ บุรีรัมย์ ลุยตรวจ 2 ลานมันหาข้อมูลเบาะแสโกงจำนำมัน 212 ล้าน พร้อมตั้งชุดพนักงานสอบสวนสืบหาข้อเท็จจริงและสาวหาตัวผู้ร่วมกระทำผิด ขณะรองผู้การฯ แฉพบข้อสังเกต อคส.แจ้งความช้าเหลือเวลาวันเดียวหมดอายุความ อีกทั้งไม่ยอมส่งข้อมูลหลักฐานตรวจพบความผิดปกติมันหายให้พนักงานสอบสวน

วันนี้ (23 ม.ค. 56) พ.ต.อ.วิศิษฏ์ศักดิ์ อภัยวงศ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมพนักงานสอบสวน และตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน เข้าทำการตรวจสอบลานมัน 2 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.หนองกี่ ที่บริษัท แสงอีสานการเกษตร จำกัด และบริษัท ชโลบล อินเตอร์ไพร์ จำกัด มาเช่าพื้นที่เปิดลานมันในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปีการผลิต 2554/55 เพื่อหาข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม หลังองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มอบหมายให้นายสุรชัย มุกมีค่า พนักงานบริหารทั่วไป เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 15 ม.ค.2556 ที่ผ่านมา เอาผิดกับทั้ง 2 บริษัท ในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” เนื่องจากมันสำปะหลังในโครงการฯ หายไป รวมกว่า 18,000 ตัน สร้างความเสียหายแก่รัฐรวมมูลค่ากว่า 212 ล้านบาท

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ พบว่าลานมันทั้ง 2 แห่งมีการเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเปิดลานเข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลังในปีการผลิต 2555/56 นี้ แต่พบว่าเป็นบริษัทรายใหม่ที่มาเช่าเปิดลาน หลังผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการฯ ระดับจังหวัดเรียบร้อยแล้ว

พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นการสร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐสูงถึง 212 ล้านบาท จึงต้องทำการสืบสวนสอบสวนด้วยความละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้เชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ เพราะมันสำปะหลังที่สูญหายจะต้องมีผู้ดูแลอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเข้าแจ้งความของเจ้าหน้าที่ อคส.ล่าช้า เพราะเหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวจะหมดอายุความ อีกทั้งหลังการแจ้งความที่ สภ.หนองกี่ ผ่านมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ ทาง อคส.ก็ยังไม่มีการส่งข้อมูลของการตรวจพบความผิดปกติกรณีมันหายมาให้พนักงานสอบสวนใช้เป็นข้อมูลหลักฐานในการสืบสวน ถึงแม้จะมีการทักท้วงไปยัง อคส.แล้วก็ตาม

กรณีดังกล่าวทางตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้พยายามเร่งรัดติดตามคดีอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งเชื่อว่ามีการร่วมกระทำผิดกันเป็นขบวนการจะทำเพียงลำพังไม่ได้

“พร้อมกันนี้ยังจะมีการตั้งชุดพนักงานสอบสวน เข้าไปทำการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว เพื่อสาวหาผู้ร่วมกระทำทุจริตมาดำเนินคดีทั้งหมด และหากพบข้อมูลเบาะแสมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพัน ก็จะประสานไปยังดีเอสไอ และ ป.ป.ท.เข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวด้วย” พ.ต.อ.วิรัตน์กล่าว






พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง  รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์
กำลังโหลดความคิดเห็น