ลำปาง - ชาวลำปางรวมตัวขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารแบงก์ออมสิน หลอกซื้อบ้าน นัดเซ็นเอกสารล่วงหน้าบน สนง.ที่ดิน ตั้งแต่ปี 46 โดยไม่ใช้เอกสารทางราชการจนเข้าใจว่าเครดิตไม่ผ่าน สุดท้ายกลับมีหนี้โผล่ เฉพาะ 5 รายนี้ร่วม 10 ล้าน เผยออมสิน สนง.ใหญ่เคยส่ง จนท.เคลียร์แล้ว แต่ยังทวงหนี้-ฟ้องล้มละลายซ้ำ
วานนี้ (22 ม.ค.) นายพินิจ รื่นเริง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266/467 หมู่ 15 ต.พิชัย อ.มืองลำปาง, นายกษิดิ์เดช สนธิรัตน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266/429 หมู่ 15 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง, นายธานินท์รัตน์ เทวาณา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 8 ต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง, นายวันชัย ล่ำลือ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 358 หมู่ 9 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง และนายธีรพล ภู่ขาว อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 266/441 หมู่ 15 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง รวม 5 คน ได้เข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.วิจารณ คำอ่อง พนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีต่อผู้บริหารธนาคารออมสิน ประกอบด้วย 1. นางเอื้ออารีย์ ชุตินทราศรี 2. นายวิเชียร ขลุ่ยทอง 3. นางนิตยา มัชฌิมา 4. นายพิชิต ธรรมวิภาค 5. ว่าที่ร้อยเอก ภาคภูมิ กุญชร โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมนำเอกสารต่างๆ ที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทำสัญญากู้เงินไว้เป็นหลักฐาน
ชาวบ้านทั้ง 5 คนได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2546 นางเอื้ออารีย์ได้มาติดต่อให้ทำสัญญากู้เงินซื้อบ้านพร้อมอยู่ ที่หมู่บ้านเจนแอนจอย หรือสันติสุข หมู่ 15 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง โดยการกู้เงินดังกล่าวจะมีเงินเหลือใช้อีกประมาณคนละ 2-3 แสนบาท หลังจากนั้นได้มีการนัดหมายให้พวกตนไปพบที่ สนง.ที่ดิน จ.ลำปาง โดยให้เซ็นเอกสารไว้ล่วงหน้า ไม่มีรายละเอียดในเอกสารแต่อย่างใด เนื่องจากนางเอื้ออารีย์บอกว่า เพื่อตรวจสอบเอกสาร และเงื่อนไขในการกู้เงินก่อนว่าพร้อมหรือไม่ พวกตนจึงได้เซ็นชื่อให้ไป โดยในครั้งนั้นไม่ได้มอบเอกสารทางราชการใดๆ ทั้งสิ้น
กระทั่งประมาณ 2 เดือนต่อมาพวกตนเข้าใจว่า ไม่ผ่านเงื่อนไขการกู้ดังกล่าว จึงได้ร่วมกันตรวจสอบกับธนาคารออมสินใน จ.ลำปาง ปรากฏว่าไม่พบว่ามีเรื่องการตรวจสอบเอกสาร หรือสัญญาการกู้ของพวกตนแต่อย่างใด
แต่เมื่อตรวจเช็กการกู้เงินภายในประเทศ พบว่าได้มีข้อมูลปรากฏที่ธนาคารออมสิน สาขาตรอน จ.อุตรดิตถ์ ระบุว่า นายพินิจ รื่นเริง ได้รับเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 850,000 บาท, นายกษิดิ์เดช สนธิรัตน์ ได้รับเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 2,000,000 บาท, นายธานินท์รัตน์ เทวาณา ได้รับเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 1,800,000 บาท, นายวันชัย ล่ำลือ ได้รับเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 2,000,000 บาท, นายธีรพล ภู่ขาว ได้รับเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน 1,970,000 บาท
ต่อมาในเดือนกันยายน 2554 ได้มีหนังสือทวงหนี้จากธนาคารออมสินให้ใช้หนี้จำนวนดังกล่าวข้างต้นพร้อมดอกเบี้ย จากนั้นได้ถูกธนาคารฟ้องร้องให้ชำระเงินจำนวนดังกล่าว และได้มีเอกสารที่ระบุว่าพวกตนได้ทำสัญญาการกู้ยืมกับทางธนาคารออมสินสาขาตรอน ที่ไม่สมบูรณ์
กลุ่มชาวบ้านทั้ง 5 รายระบุอีกว่า ความจริงทางพวกตนไม่เคยทำสัญญาการกู้ใดๆ จากธนาคารออมสินดังกล่าว และก็ยังไม่เคยได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว หรือแม้แต่จะมีเอกสารใดๆ มาแสดงว่าพวกตนได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว จึงทราบว่าถูกฉ้อโกง จึงเดินทางมาเพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลทั้ง 5 และพนักงานที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำครั้งนี้โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
นายพินิจกล่าวว่า ลำพังพวกตนโดนโกงไปแล้ว 9 ล้านกว่าบาท ยังไม่รวมผู้เสียหายลักษณะเดียวกันที่จะทยอยเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนอีกกว่า 40 คน รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้พวกตนคิดจะเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ได้เดินทางมาพบพร้อมรับปากจะดูแลแก้ปัญหาให้ โดยขอให้พวกตนไม่ต้องแจ้งความ เพราะทางธนาคารจะเสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
แต่หลังจากนั้นทางธนาคารกลับไม่ดำเนินการใดๆ แต่กลับฟ้องล้มละลายพวกตนต่อศาล ทั้งๆ ที่ธนาคารเองก็ตรวจสอบแล้วว่าเป็นการกระทำของผู้จัดการธนาคารสาขาตรอนในสมัยนั้นร่วมมือกับพนักงานและเจ้าหน้าที่อีกหลายคน แต่ธนาคารกลับมาเรียกให้พวกตนชำระหนี้ที่ไม่ได้ก่อขึ้น พวกตนจึงต้องเข้าแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีต่อบุคลลดังกล่าวทั้ง 5 คน เพื่อทวงถามความรับผิดชอบและความเสียหายที่พวกตนได้รับในขณะนี้ ซึ่งทราบว่าเจ้าหน้าที่บางคนถูกไล่ออก แต่บางคนกลับได้รับการปูนบำเหน็จให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย