กาญจนบุรี - ชาวกาญจนบุรีเฮ อธิบดีกรมทางหลวงชนบทส่งหนังสือแจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างขยายถนนสาย ก. ข. และ ค. หลังชาวบ้านร่วมคัดค้านอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (22 ม.ค.) นางภูวณีย์ ทับมะลิผล ตัวแทนองค์กรภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือถึงตนเพื่อแจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และสาย ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สำเนาหนังสือกรมทางหลวงชนบท ที่ คค. 0703/11889 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ความว่า ...
“ตามที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณากรณีกลุ่มราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางหลวงชนบท ในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 (ตอนเลี่ยงเมือง) กับถนนแสงชูโตซอย 54 รวมทั้งถนนต่อเชื่อม และก่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมาย 323 (ตอนเลี่ยงเมือง) กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3305 ซึ่งผู้ได้รับความเดือดร้อนได้มาติดตาม และคัดค้านโครงการดังกล่าวเป็นระยะๆ และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเสนอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนไม่ได้มาแสดงเจตนา หรือให้ความคิดเห็นในการดำเนินโครงการดังกล่าวแต่อย่างใดนั้น
บัดนี้ กรมทางหลวงชนบท ได้แจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้มีหนังสือถึงนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยอ้างถึงหนังสือจังหวัดกาญจนบุรี ที่ คค. 0728/กจ/21061 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ความว่า ...
“ตามหนังสือที่อ้างถึงจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งว่า เมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 บริเวณศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีกลุ่มราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางหลวงชนบทสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จำนวนประมาณ 100 คน ได้มาติดตาม และคัดค้านโครงการดังกล่าวเป็นระยะๆ และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเสนอขอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนไม่มาแสดงเจตนา หรือให้ความคิดเห็นในการดำเนินโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อมิให้การคัดค้านลุกลามเกิดความรุนแรง และขยายวงกว้างออกไปจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้ และเป็นการแก้ไขความเดือดร้อนตามความเรียกร้องของราษฎร จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาทบทวนยกเลิกโครงการดังกล่าวนั้น
กรมทางหลวงชนบทได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามที่จังหวัดกาญจนบุรีพิจารณา ซึ่งได้ขอให้กรมทางหลวงชนบทยกเลิกโครงการดังกล่าวเพื่อมิให้การคัดค้านลุกลามเกิดความรุนแรง และขยายวงกว้างออกไปจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้ กรมทางหลวงชนบทจึงขอแจ้งยืนยันยกเลิกโครงการ”
นางภูวณีย์ กล่าวว่า ตนและชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบได้ร่วมกันต่อสู้ต่อต้านโครงการดังกล่าวมาโดยตลอด ที่ผ่านมา หลายครอบครัวคิดมากถึงกับนอนไม่หลับ เพราะอยู่ๆ พวกเขาจะต้องมาถูกเวนคืนที่ดิน รวมทั้งจะต้องมาถูกรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกอาศัยมาหลายชั่วอายุคน
“การต่อสู้ของชาวบ้านในครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนต่างต่อสู้กับหน่วยงานภาครัฐด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดมาแอบแฝง ครั้งนี้ตน และชาวบ้านต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าใจหัวอกของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ดำเนินการเสนอความถึงท่านอธิบดีกรมทางหลวงชนบทได้พิจารณา และมีคำสั่งเป็นหนังสือยืนยันการยกเลิกโครงการดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว” นางภูวณีย์กล่าว
เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (22 ม.ค.) นางภูวณีย์ ทับมะลิผล ตัวแทนองค์กรภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีหนังสือถึงตนเพื่อแจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และสาย ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สำเนาหนังสือกรมทางหลวงชนบท ที่ คค. 0703/11889 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ความว่า ...
“ตามที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณากรณีกลุ่มราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางหลวงชนบท ในชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 (ตอนเลี่ยงเมือง) กับถนนแสงชูโตซอย 54 รวมทั้งถนนต่อเชื่อม และก่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมาย 323 (ตอนเลี่ยงเมือง) กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3305 ซึ่งผู้ได้รับความเดือดร้อนได้มาติดตาม และคัดค้านโครงการดังกล่าวเป็นระยะๆ และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเสนอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนไม่ได้มาแสดงเจตนา หรือให้ความคิดเห็นในการดำเนินโครงการดังกล่าวแต่อย่างใดนั้น
บัดนี้ กรมทางหลวงชนบท ได้แจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ได้มีหนังสือถึงนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งยืนยันยกเลิกโครงการก่อสร้างถนนสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยอ้างถึงหนังสือจังหวัดกาญจนบุรี ที่ คค. 0728/กจ/21061 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ความว่า ...
“ตามหนังสือที่อ้างถึงจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งว่า เมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 บริเวณศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีกลุ่มราษฎรผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการก่อสร้าง และขยายทางหลวงชนบทสาย ก. ข. และ ค. ผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จำนวนประมาณ 100 คน ได้มาติดตาม และคัดค้านโครงการดังกล่าวเป็นระยะๆ และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งเสนอขอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนไม่มาแสดงเจตนา หรือให้ความคิดเห็นในการดำเนินโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อมิให้การคัดค้านลุกลามเกิดความรุนแรง และขยายวงกว้างออกไปจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้ และเป็นการแก้ไขความเดือดร้อนตามความเรียกร้องของราษฎร จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาทบทวนยกเลิกโครงการดังกล่าวนั้น
กรมทางหลวงชนบทได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามที่จังหวัดกาญจนบุรีพิจารณา ซึ่งได้ขอให้กรมทางหลวงชนบทยกเลิกโครงการดังกล่าวเพื่อมิให้การคัดค้านลุกลามเกิดความรุนแรง และขยายวงกว้างออกไปจนกระทั่งไม่สามารถควบคุมได้ กรมทางหลวงชนบทจึงขอแจ้งยืนยันยกเลิกโครงการ”
นางภูวณีย์ กล่าวว่า ตนและชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบได้ร่วมกันต่อสู้ต่อต้านโครงการดังกล่าวมาโดยตลอด ที่ผ่านมา หลายครอบครัวคิดมากถึงกับนอนไม่หลับ เพราะอยู่ๆ พวกเขาจะต้องมาถูกเวนคืนที่ดิน รวมทั้งจะต้องมาถูกรื้อถอนบ้านเรือนที่ปลูกอาศัยมาหลายชั่วอายุคน
“การต่อสู้ของชาวบ้านในครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนต่างต่อสู้กับหน่วยงานภาครัฐด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดมาแอบแฝง ครั้งนี้ตน และชาวบ้านต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าใจหัวอกของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ดำเนินการเสนอความถึงท่านอธิบดีกรมทางหลวงชนบทได้พิจารณา และมีคำสั่งเป็นหนังสือยืนยันการยกเลิกโครงการดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว” นางภูวณีย์กล่าว
