ประจวบคีรีขันธ์ - กลุ่มประมงเรือเล็ก ตำบลปากน้ำปราณ ชุมนุมประท้วงเรือคราดหอยลายจากมหาชัยกว่า 30 ลำที่รุกล้ำเข้ามาคราดหอยหน้าชายฝั่งทะเลปากน้ำปราณเพียง 1,000 เมตร และทำการประมงในเขตพระราชฐาน จนทำให้ชาวประมงพื้นที่เดือดร้อนหนัก เครื่องมือทำการประมงทั้งลอบปูม้า ลอบหอยเสียหายย่อยยับ วอนกรมประมง ตร.น้ำ เข้ามาแก้ปัญหาอย่านิ่งเฉย และกวดจับเรือคราดหอยที่ลักลอบทำการประมงในพื้นที่อนุรักษ์ด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (18 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสถานีตำรวจน้ำปราณบุรี ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มชาวประมงเรือเล็กชายฝั่งเกือบ 200 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อแจ้งความต่อตำรวจน้ำให้ดำเนินการติดตามจับกุมเรือคราดหอยลายที่ทำผิดกฎหมาย ลักลอบเข้ามาคราดหอยลายในแนวเขตอนุรักษ์ 3,000 เมตร บริเวณอ่าวปากน้ำปราณ ตั้งแต่บริเวณคุ้งทรายใหญ่ จนถึงหน้าปากคลองปราณ เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร
โดยเรือคราดหอยลายทั้งหมดเป็นเรือต่างถิ่นมาจากมหาชัย แต่เข้ามาสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่ชาวประมงที่ออกไปวางเครื่องมือประมงเพื่อจับสัตว์น้ำประเภทลอบปู ลอบหอยสังข์ อวนปลาทู เพื่อจับปูม้า ปลาหมึกสาย และปลาทูสด ทำให้เครื่องมือทำการประมงลอบปู 5,000 ปาก อวนปูม้า 2,000 ปาก และลอบหอยสังข์ ประมาณ 3,000 ตัวสูญหาย มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
นายเจือ แพใหญ่ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/26 ม.6 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี ประธานกลุ่มประมงเรือเล็กปากน้ำปราณ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ออกเรือไปเก็บอุปกรณ์จับสัตว์น้ำตามปกติ แต่พบว่า มีเรือคราดหอยลายมากกว่า 30 ลำ เข้ามาคราดหอยในเขตอนุรักษ์ 3,000 เมตร โดยเรือดังกล่าวได้ลักลอบคราดหอยลายอยู่ห่างจากฝั่งแค่ 1,500 เมตรเท่านั้น ทำให้เรืออุปกรณ์ทำประมงเสียหายจำนวนมาก
“แต่ที่สำคัญคือ ทำให้ระบบนิเวศวิทยาทางทะเลได้รับความเสียหาย หน้าดินถูกทำลาย โคลนดินได้ฟุ้งกระจาย ส่งกลิ่นเหม็น จนทำให้สัตว์น้ำไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ชาวประมงจึงรวมตัวกันมาร้องเรียนต่อตำรวจน้ำ ให้เร่งติดตามดำเนินการจับกุมเรือคราดหอยลายมาดำเนินคดี และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ชาวบ้านทั้งหมดด้วย” นายเจือกล่าว
ด้านนายเกรียงไกร บุญคล้อย อายุ 36 ปี ชาวประมงเรือเล็ก อาชีพลอบปู กล่าวว่า ขณะกำลังออกเรือไปเก็บลอบปู พบว่า เรือคราดหอยลายได้เข้ามาคราดหอยกันอย่างเปิดเผยโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งจุดที่ตนพบอยู่แถวหน้าหาดทรายใหญ่ ซึ่งเป็นแนวเขตพระราชฐาน พระตำหนักส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แต่เรือคราดหอยลายพวกนั้นก็ไม่ได้เกรงกลัว
เมื่อตนเห็นเรือคราดหอย จึงได้รีบไปยังจุดที่วางลอบปูไว้ เพื่อเร่งมือเก็บอวนปูกว่า 600 ใบ แต่พบว่าสายไปแล้ว เพราะอวนปูทั้งหมดของตนสูญหายทั้งหมด ซึ่งเฉพาะอวนปู ที่เสียหายมีมูลค่ากว่า 60,000 บาท ส่วนปูม้าซึ่งปกติจะสามารถจับปูได้วันละประมาณ 10-20 กิโลกรัม มีรายได้วันละ 2,000-3,000 บาทต่อวัน ก็หายไปด้วยเช่นกัน ทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนอย่างหนัก โดยตนได้เข้าฝั่งมาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่กรมประมง และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำปราณบุรี ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาแล้ว แต่พบว่าไม่ได้รับความสนใจจนชาวประมงสุดทนต้องรวมตัวกันมาชุมนุมในตอนเช้าดังกล่าว
“โดยชาวประมงเรือเล็กส่วนใหญ่ กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีเรือคราดหอยลายจากต่างถิ่นเข้ามาลักลอบทำการประมงที่บริเวณชายหาดปากน้ำปราณ ซึ่งเข้ามาทำการประมงในเขตอนุรักษ์ และบริเวณหน้าพระตำหนักของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พวกเราชาวประมงรับไม่ได้ทั้งที่เป็นเขตพระราชฐาน สิ่งสำคัญสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่ชาวประมงเรือเล็ก โดยเฉพาะเครื่องมือประมงเสียหายอย่างหนัก แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจน้ำก็อยู่ในพื้นที่มีเรือตรวจกลับไม่ไปทำการจับกุมเรือคราดหอยเหล้านั้น รวมไปถึงกรมประมงเองก็ไม่ให้ความสนใจที่จะออกไปจับกุม ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” นายเกรียงไกรกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ขจรยศ ทรงประดิษฐ์ สารวัตรป้องกันปราบปราม ตำรวจน้ำปราณบุรี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ดำเนินการรับแจ้งความจากชาวประมงแล้ว โดยจะรวบรวมความเสียหายทั้งหมด ตลอดจนอุปกรณ์ทำประมงที่เสียหายด้วย โดยขณะนี้ มีชาวประมงมาแจ้งความไว้แล้ว 16 ราย โดยพบว่า ทยอยแจ้งความเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางตำรวจน้ำจะต้องประสานไปยังกรมประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมมือกันดำเนินการติดตามแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวประมงต่อไป