ลำปาง - สองแม่ลูกชาวบ้านอำเภองาวยึดอาชีพขายถ่านในตลาด วิ่งโร่นำหลักฐานร้องสื่อถูกหลอกเซ็นเอกสารเงินกู้ สุดท้ายกลับกลายเป็นผู้ซื้อรถมูลค่ากว่า 7 แสนบาทโดยที่ไม่เคยเห็นแม้แต่เงารถ แถมขอตรวจหลักฐานกล้องวงจรปิดบริษัท เจอแต่ภาพด้านหลังคนรับรถ
วันนี้ (10 ม.ค.) นางบัวเขียว วงษ์มา อายุ 53 ปี และน.ส.จิราภรณ์ วงษ์มา อายุ 35 ปี บุตรสาว อยู่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 5 ต.หลวงใต้ อ.งาว จ.ลำปาง ได้นำเอกสารซึ่งมีทั้งหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของบริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หนังสือทวงหนี้ ชื่อของนางบัวเขียวเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์โตโยต้าไฮลักซ์ วงเงิน 753,768 บาท และทำสัญญาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 วางเงินดาวน์ 163,680 บาท ค่างวดรวม 72 งวด งวดละ 10,469 บาท แต่หลังจากวางเงินดาวน์แล้วไม่มีการชำระเงินอีกเลย จนมีหนังสือทวงหนี้ส่งมาที่บ้าน
น.ส.จิราภรณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 55 นางบุญเทียม ปินตาแสน คนรู้จักกันในหมู่บ้านได้บอกตนว่าต้องการกู้เงินเพื่อนำมาปิดบัญชีเงินกู้นอกระบบที่ครอบครัวเป็นหนี้อยู่ประมาณ 30,000 บาทหรือไม่ ซึ่งขณะนั้นก็ไม่มีเงินชำระหนี้ ต้องคอยหลบเลี่ยงพวกที่มาเก็บเงินอยู่ โดยการกู้เงินครั้งไม่ต้องมีคนค้ำ จะกู้เท่าไหร่ก็ได้ และค่อยผ่อนส่ง ซึ่งตนกับแม่เห็นว่าหากกู้ได้จริงก็จะนำมาใช้หนี้แก๊งเก็บเงินกู้หมวกกันน็อก จึงตกลงที่จะกู้
“วันที่ 18 พฤศจิกายน นางบุญเทียมเรียกดิฉันกับแม่มาที่บ้าน โดยมีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 20 ปีเศษ ทราบชื่อภายหลังตามนามบัตร คือ นายวรภพ ภักดี พนักงานบริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำเอกสารซึ่งนางบุญเทียม และนายวรภพบอกว่าเป็นสัญญาเงินกู้ และให้แม่เซ็น พร้อมนำสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านมอบให้กับนายวรภพไป โดยที่เราก็ไม่ได้อ่านหนังสือที่เซ็น เพราะคิดว่าเป็นหนังสือเงินกู้ทั่วไปที่เคยเซ็นเท่านั้น ขณะที่นายวรภพ บอกก่อนที่จะเดินทางกลับว่าหากทางบริษัทอนุมัติแล้วจะติดต่อกลับมา”
น.ส.จิราภรณ์กล่าวว่า จากนั้นอีกประมาณ 2 สัปดาห์ นางบุญเทียมก็มาบอกว่าให้เตรียมตัวไปรับรถ ตนกับแม่ก็สงสัยจึงถามว่ารถอะไร นางบุญเทียมบอกว่าหนังสือที่เซ็นไปก่อนหน้านี้เป็นเอกสารซื้อรถยนต์ให้ตนกับแม่ไปรับรถมาให้ โดยนางบุญเทียมจะเอาไปขาย แล้วเอาเงินบางส่วนมาให้ตนเองกับแม่กู้ ตนจึงบอกไปว่าไม่ได้ต้องการซื้อรถ แต่ที่เซ็นไปคือการกู้เงิน หากจะทำแบบนี้ตนไม่เอาด้วยเพราะกลัว และเป็นสิ่งไม่ดี จึงขอให้นางบุญเทียมส่งเอกสารที่เซ็นคืนมา นางบุญเทียมก็ถามว่าแล้วเงินกู้ไม่เอาแล้วใช่หรือไม่ ตนกับแม่บอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่เอาแล้ว นางบุญเทียมก็บอกว่าถ้่าอย่างนั้นก็ยกเลิกไปแล้วกัน
“แต่ต่อมาไมีหนังสือทวงหนี้และอะไรอีกหลายอย่างส่งมาถึงแม่ที่บ้าน จึงไปถามนางบุญเทียมกลับบอกว่าไม่รู้เรื่อง จึงไปหาตำรวจที่ สภ.งาว ลงบันทึกประจำวันไว้ และพยายามติดตามเรื่อง โดยประสานงานไปยังบริษัทดังกล่าวเพื่อขอเอกสารแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากบริษัท เมื่อไปสอบถามผู้จัดการบริษัท โตโยต้า นอร์ทเทิร์น ลำปาง จึงพบว่ารถที่ปรากฏในหนังสือสัญญาเช่าซื้อนั้น มีชาย 2 คน หญิง 1 คนมารับรถออกจากโชว์รูมไปแล้ว เมื่อขอตรวจสอบรูปถ่ายขณะรับรถ ทางบริษัทกลับบอกว่าไม่ได้ถ่ายไว้ และเมื่อขอดูกล้องวงจรปิดกลับเห็นเฉพาะด้านหลัง จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัทบอกว่านางบุญเทียมเป็นผู้โทรศัพท์มาแจ้งว่าแม่ของดิฉันไม่ว่าง จึงให้คนอื่นมารับรถแทน บริษัทจึงมอบรถให้ไป”
ด้านนางบัวเขียวกล่าวว่า สงสัยว่าทำไมบริษัทไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบหาคนที่มารับรถไป ทั้งที่ตนก็ไม่เคยติดต่อกับบริษัท การมอบรถก็ไม่มีหลักฐานใดๆ และทำไมบริษัทไม่มีการตรวจสอบฐานะทางการเงินก่อน เพราะตนกับลูกมีอาชีพรับซื้อถ่านมาขาย จะมีปัญญาไปซื้อรถราคาแพงขนาดนั้นได้อย่างไร ปัจจุบันที่บ้านก็มีรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ เพียงคันเดียว จึงขอให้สื่อช่วยตีแผ่พฤติกรรมดังกล่าวด้วย