ลำปาง - แผนช่วย “นาคา” ลูกช้างน้อยวัยไม่ถึง 10 วัน ดื่มนมพังคาปาผู้เป็นแม่รอบ 3 ล้มเหลว แม่ช้างยังไม่ยอมรับ จนทีมสัตวแพทย์ต้องเลิก หลังฉีดยาซึมให้แม่ช้างแล้ว 3 รอบ และหวั่นลูกช้างช็อก
วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการช่วยให้พลายนาคา ลูกช้างที่อายุไม่ถึง 10 วันได้ดูดนมพังคาปา ซึ่งเป็นแม่ช้างแต่ไม่ยอมรับลูก และพยายามทำร้ายว่า เมื่อเย็นวานนี้ (9 ม.ค.) น.ส.โซไรดา ซาลวาลา เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์มูลนิธิเพื่อนช้าง ได้ให้เจ้าหน้าที่และควาญช้างกว่า 10 คน ฉีดยาซึมและช่วยกันล่ามโซ่แม่ช้างพังคาปาเป็นรอบที่ 3 เพื่อทดลองนำพลายนาคาเข้าดื่มนมจากเต้าของแม่ช้างอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้พังคาปามีอาการสดชื่นขึ้น เนื่องจากควาญช้างได้นำตัวไปนอนในป่าเพื่อผ่อนคลายมาก่อน ซึ่งเมื่อฉีดยาซึมได้ประมาณ 15 นาทีพังคาปาก็หลับ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพลายนาคาเข้าหาแม่อีกครั้ง แต่พบว่าพลายนาคายังมีอาการหวาดกลัวไม่ยอมเข้าใกล้แม่ เจ้าหน้าที่ต้องคอยอุ้มและดันตัวเข้าใต้ท้องแม่เพื่อพยายามให้ดูดนมจากเต้า ซึ่งลูกช้างก็พยายามดันตัวออก จนกระทั่งแม่ช้างเริ่มรู้สึกตัวส่งเสียงร้องคำรามจนลูกช้างตกใจร้องเสียงดังแล้วพยายามวิ่งหนีด้วยความกลัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำตัวลูกช้างออกจากใต้ท้องแม่ทันที ซึ่งทำให้การพยายามนำลูกช้างเข้าหาแม่ครั้งที่ 3 ล้มเหลวเช่นเดิม และระหว่างที่นำตัวลูกช้างออกจากโรงเรือนก็ยังคงแสดงอาการตื่นและหวาดกลัว
นายสัตวแพทย์ปรีชากล่าวว่า คงต้องยุติความพยายามที่จะนำตัวลูกช้างเข้าหาแม่ เนื่องจากแม่ช้างถูกฉีดยาซึม 3 ครั้ง ถือว่ามากแล้ว เพราะหากฉีดยาให้อีกจะมีผลต่อร่างกาย ส่วนลูกช้างค่อนข้างเครียดมาก หากยังฝืนต่อไปอาจจะทำให้ลูกช้างช็อกได้ ส่วนแนวทางการเลี้ยงดูลูกช้างจากนี้ไปต้องหานมแพะให้ดื่มจนพ้นช่วงอันตราย คือ ประมาณ 4 เดือน ซึ่งระหว่างนี้โอกาสอยู่รอดยัง 50:50 เนื่องจากลูกช้างไม่ได้ดื่มน้ำเหลืองของแม่ อาจจะเกิดอาการท้องร่วงหรือโรคแทรกซ้อนได้ ซึ่งต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยจะผัดเปลี่ยนกันดูแลตลอด 24 ชั่วโมง