แผนช่วยลูกช้างน้อยดื่มนมแม่รอบสองเหลว เสียงโทร.ทำพังคาปาตื่น

ลำปาง - ทีมสัตวแพทย์ทดลองนำลูกช้างน้อยวัย 5 วันเข้าหาแม่เพื่อดื่มนมซ้ำ แต่ยังล้มเหลว แม้ฉีดยาซึมถึง 2 เข็มล่วงหน้าเกือบ 1 ชม. พอมีเสียงโทรศัพท์ จนท.ดัง จนร้องเสียงดังทำลูกตกใจกลัวลนลาน

รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งว่า หลังทีมสัตวแพทย์ของมูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งมี น.ส.โซไรดา ซาลวาลา เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง พร้อมด้วยนายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์มูลนิธิเพื่อนช้าง เจ้าหน้าที่และควาญช้างกว่า 10 คนได้ทดลองนำลูกช้างซึ่งเกิดจากพังคาปา วัย 21 ปี ช้างของชาวบ้านใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ที่ไม่ยอมรับลูกและพยายามทำร้ายลูกหลังจากคลอดออกมาแล้ว ให้กินนมแม่ตั้งแต่ 5 ม.ค. 56 ที่ผ่านมา ด้วยการวางยาซึมให้แม่ช้างพร้อมกับล่ามโซ่เท้าทั้ง 4 ขา จนถึงขณะนี้ได้พยายามดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ยังล้มเหลว เมื่อแม่ช้างพยายามล้มตัวลงทับลูกช้างจนลเจ้าหน้าที่ต้องรีบดึงตัวลูกช้างออก

ความพยายามครั้งล่าสุดได้มีการทดลองนำลูกช้างเข้ามาหาแม่อีกครั้ง โดยสัตวแพทย์ได้ฉีดยาซึมให้กับแม่ช้างพังคาปา 2 เข็ม เป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จนพังคาปาแม่ช้างเริ่มอ่อนแรงและหลับไปชั่วขณะ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ล่ามโซ่ขาทั้ง 4 ข้าง พร้อมกับใช้สายสะพายดึงตัวแม่ช้างติดกับราวเหล็กไว้อย่างแน่นหนากว่าครั้งแรก

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้สายสะพายคล้องตัวลูกช้างไว้เช่นกัน เพื่อให้สามารถดึงตัวลูกช้างออกจากแม่ได้ทันทีหากแม่ช้างจะทำร้ายลูก ได้นำตัวลูกช้างเข้าหาแม่ ช่วงแรกสามารถนำงวงของลูกช้างดูดนมจากเจ้าของแม่ได้ และแม่ช้างก็ยังสงบไม่ก้าวร้าวเหมือนครั้งแรก

เมื่อลูกช้างดูดนมได้ไม่นาน แม่ช้างได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ที่ดังขึ้นทำให้แม่ช้างรู้สึกตัวและร้องเสียงดัง ทำให้ลูกช้างตกใจกลัวจนไม่ดื่มนมและพยายามดิ้นหนีออกจากท้องแม่ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวลูกช้างออกมา ทำให้การทดลองครั้งที่ 2 ล้มเหลวอีกครั้ง

น.ส.โซไรดาเปิดเผยหลังนำตัวลูกช้างออกจากแม่แล้วว่า การทดลองครั้งที่ 2 ถือว่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากแม่ช้างไม่มีอาการก้าวร้าวเหมือนครั้งแรก ยอมให้ลูกดูดนม เพียงแต่แม่ช้างอาจจะหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ซึ่งคาดว่าอาจจะเว้นระยะอีกครั้ง ก่อนที่จะทดลองนำลูกช้างเข้าหาแม่อีกครั้งในวันนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบ และเต้านมของแม่ช้างคลายจากอาการปวดคัดก็อาจจะยอมให้ลูกดูดนมก็เป็นได้

“เจ้าหน้าที่ยังไม่หมดหวัง เพราะดูจากสถานการณ์แล้วค่อนข้างเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกนิด ส่วนลูกช้างยังคงมีสุขภาพดีร่าเริง และค่อนข้างจะติดคนแล้ว”