ลำปาง - พังบุญเย็น ช้างวัย 35 ปีจากอมก๋อยล้มแล้ว หลังเจ้าของใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงนำขึ้นรถบรรทุกส่งจากอมก๋อยถึง รพ.ช้าง แต่ถึงมือสัตวแพทย์ได้ไม่ถึงชั่วโมงก็สิ้นลม พร้อมขนกลับไปทำบุญที่บ้านเกิดทันทีไม่ยอมให้ผ่าพิสูจน์ สัตวแพทย์เตือนคนเลี้ยงช้างดูแลช้างใกล้ชิด
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ควาญช้างและคนงานเร่งนำร่างของพังแม่บุญเย็น อายุ 35 ปี เปลี่ยนถ่ายจากรถที่บรรทุกมาไปยังรถบรรทุกอีกคันหนึ่ง เพื่อที่จะนำร่างที่ไร้วิญญาณกลับไปทำบุญที่บ้านเกิดที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ หลังจากที่ช้างเชือกนี้ล้มระหว่างนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลช้างไม่ถึงชั่วโมง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ช้างพังบุญเย็นล้มนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด และทางสัตวแพทย์ไม่สามารถที่จะผ่าพิสูจน์ซากช้างเพื่อหาสาเหตุได้ เนื่องจากเจ้าของช้างต้องการนำร่างช้างกลับไปทำบุญที่บ้านเกิด
จากการสอบถามเจ้าของช้างทราบว่า พังแม่บุญเย็นเป็นช้างเลี้ยงของชาวบ้าน ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ได้ล้มป่วยไม่ทราบสาเหตุ เริ่มจากไม่กินอาหารหรือแม้กระทั่งน้ำ ร่างกายอ่อนเพลียมากว่า 5 วัน จนกระทั่งตนเห็นว่าอาการช้างเริ่มแย่จึงตัดสินใจนำช้างขึ้นรถบรรทุกเพื่อที่จะนำตัวมารักษา
แต่การเดินทางค่อนข้างลำบากเนื่องจากอยู่ห่างไกล ใช้เวลาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง กว่า 48 ชั่วโมง แต่ก็สายเกินไปเพราะช้างได้ล้มบนรถก่อน เมื่อมาถึงสัตวแพทย์ได้เร่งช่วยชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล
ด้านนายสัตวแพทย์ปรีชา พวงคำ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง เปิดเผยว่า สาเหตุที่ช้างป่วยยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เมื่อมาถึงพบว่าช้างมีสภาพอ่อนแรงและล้มตัวไปทางขวา ไม่มีแรงแม้แต่จะยกงวงขึ้น จึงได้ให้สารน้ำเกลือและฉีดยาปฏิชีวนะกระตุ้นช้าง แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึง 1 ชั่วโมงช้างก็เสียชีวิต โดยที่ยังไม่ได้ตรวจหาสาเหตุ
เบื้องต้นได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังปศุสัตว์ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้วเพื่อที่จะช่วยแจ้งเตือนไปยังคนเลี้ยงช้างในพื้นที่ให้ตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้ช้างป่วย เนื่องจากก่อนหน้านี้มูลนิธิเพื่อนช้างก็รับตัวช้างมารักษาในอาการเดียวกัน คือ ช้างพังแม่กองคำ เป็นช้างเลี้ยงในหมู่บ้านทุ่งต้นงิ้ว หมู่ 11 ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รักษามากว่า 20 วัน ล่าสุดอาการดีขึ้น คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะสามารถเดินทางกลับบ้านได้
นอกจากนี้ยังฝากเตือนไปยังคนเลี้ยงช้างทุกแห่งให้ดูแลสุขภาพช้างอย่างใกล้ชิด หากพบผิดสังเกตให้รีบโทร.ปรึกษาหรือแจ้งสัตวแพทย์เข้าตรวจสอบทันที เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือชีวิตช้างอย่างทันท่วงที
