ราชบุรี - ญาติผู้คุมเรือนจํากลางเขาบิน รับศพที่โรงพยาบาลราชบุรี ไปบําเพ็ญกุศลที่วัดหนองนางแพรว
วันนี้ (31 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ที่ตึกนิติเวช โรงพยาบาลราชบุรี ญาติของนายสุเทพ จ้อยศรีเกษ ผู้คุมเรือนจำกลางเขาบิน ต.นํ้าพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี ที่ถูกนักโทษจับเป็นตัวประกัน และทำร้ายจนเสียชีวิต มารอรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองนางแพรว ต.น้ำพุ
นางเกสร จ้อยศรีเกษ อายุ 46 ปี ภรรยาผู้ตายเปิดเผยว่า จะนำศพสามีไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองนางแพรว ซึ่งอยู่ปากทางเข้าเรือนจำกลางเขาบิน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากผู้บัญชาการเรือนจำที่มีแนวคิดจะนำศพสามีไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่หน้าเรือนจำซึ่งถือเป็นเกียรติแก่สามี และ ด.ช.ศรวง จ้อยศรีเกษ อายุ 11 ปี บุตรชาย พร้อมครอบครัวที่ได้รับการยกย่อง แต่ทั้งนี้ ต้องปรึกษานางเมือง จ้อยศรีเกษ มารดาของสามี ซึ่งต้องการให้นำศพบุตรชายกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิด
“คงต้องรอญาติพี่น้องของสามีที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการบำเพ็ญกุศลอีกครั้ง ส่วนตัวนั้นยินดีที่จะนําศพไปตั้งบําเพ็ญกุศลตามที่ผู้บัญชาการเรือนจำร้องขอ”
นางเมือง จ้อยศรเกษ อายุ 76 ปี มารดาผู้ตายกล่าวว่า ครอบครัวมีลูก 6 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 2 คน นายสุเทพเป็นลูกชายคนที่ 3 โดยคนที่ 1 ชื่อ ร.ต.ต.วิวัฒน์ จ้อยศรีเกษ ทำงานด้านการจราจรอยู่ จ.สุพรรณบุรี คนที่ 2 นางศิริวรรณ จ้อยศรีเกษ คนที่ 3 นายสุเทพ คนที่ 4 นางนิษา จ้อยศรีเกษ คนที่ 5 เสียชีวิตแล้ว คนที่ 6 พ.ต.ต.นิพนธ์ จ้อยศรีเกษ ทำงานอยู่ จ.กาญจนบุรี
“ปกติลูกชายเป็นคนเอาแต่ทำงาน เป็นคนดี คนซื่อ ซึ่งคงต้องปรึกษากับลูกๆก่อนว่าจะทําอย่างไร เพราะเดิมนายสุเทพมีแผนที่จะนําครอบครัวกลับบ้านที่สุพรรณบุรีเพื่อหยุดพักช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน”
ต่อมา นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เดินทางมาที่ตึกนิติเวช เพื่อให้กำลังใจครอบครัวผู้ตาย พร้อมกล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมผู้บัญชาการเรือนจำ ให้กวดขันดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งทางเรือนจำก็มีมาตรการเข้มข้นอยู่ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุกับเรือนจำกลางเขาบิน ถือเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ระมัดระวังเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งควรต้องมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพิ่มเติมอีก
“ทางจังหวัดได้ประสานไปยังสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้ ซึ่งจะจัดขึ้นเวลา 16.00 น. ที่วัดหนองนางแพรว”
ทั้งนี้ บรรยากาศบริเวณด้านหน้าตึกนิติเวชเป็นไปด้วยความเศร้าโศก และเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว ทำให้การติดต่อขอรับศพเป็นไปด้วยความล่าช้ากว่ากำหนดเวลา 11.00 น. ที่ได้นัดหมายกันไว้