ราชบุรี - ผบช.ภาค 7 รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงกรณีนักโทษชาย 3 คน พยายามหลบหนีจากเรือนจำ เผยพยายามเจรจาแล้วแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายต้องวิสามัญนักโทษ ด้านรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ยันดูครอบครัวผู้คุมเรือนจำอย่างดี พร้อมย้ำเรือนจำวางมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้อย่างดี แต่เหตุที่เกิดเป็นเรื่องสุดวิสัย
พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นายสมศักดิ์ รังษิโยภาสน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายธนวีร์ ประวัตร ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเขาบิน นายสุรชัย พุ่มแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางราชบุรี นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายศุภชัย เหลืองแสงทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมแถลงข่าวกรณีนักโทษชาย 3 คน ใช้อาวุธมีด และเหล็กแหลมจี้บังคับผู้คุมเรือนจำเพื่อหลบหนีแต่ถูกวิสามัญเสียชีวิต
พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ กล่าวว่า เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 น. มีนักโทษต้องโทษตลอดชีวิตได้ใช้อาวุธมีด และเหล็กแหลมจับผู้คุมเป็นตัวประกัน พยายามตัดรั้วตาข่ายเพื่อหลบหนีจากแดน 5 เข้าไปแดน 6 เพื่อไปยึดรถแบ็กโฮเพื่อต้องการพังกำแพงออกไปแต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายรถได้ จึงจับผู้คุมขึ้นไปไว้ที่ตึกซึ่งกำลังก่อสร้างเป็นแดนความมั่นคงสูง ซึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ติดต่อสื่อสาร จึงตั้งกองบัญชาการส่วนหน้า มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเรือนจำร่วมบัญชาการเหตุการณ์ร่วมกัน โดยมี พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้เข้าไปเจรจาด้วยตัวเอง
ผลการต่อรองจนถึงเวลาใกล้ค่ำเริ่มมืดแล้ว นักโทษยังไม่ยอมมอบตัว จากนั้นไม่นานมีนักโทษคนหนึ่งชื่อนายสุทธิรักษ์ แสงอาทิตย์ อดีตตำรวจเก่าต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตได้กลับใจ และกระโดดหนีออกมาทางหน้าต่างยอมมอบตัว ส่วนอีก 2 คน คือ นายรณชัย ศรีปานแก้ว และนายประสิทธิ์ แสนสบาย นักโทษ 2 คน ยังไม่ยอมมอบตัว ซึ่งได้พยายามเจรจาต่อรองจนถึงที่สุด โดยเจรจาผ่านช่องกระจกที่มีช่องอากาศผ่านเล็กน้อยไม่ถึงนิ้ว โดยก้มลงเจรจาช่องผ่านกระจก เห็นนักโทษนั่งคร่อมทับผู้คุมไว้โดยใช้อาวุธที่มีจี้บังคับอยู่
นอกจากนี้ มีช่องกระจกเพียงนิดเดียวจึงได้ใช้กำลังที่มี คือ ชุดรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเข้าเคิปเวอร์ไว้ ผลการต่อรองจนสุดท้ายเริ่มมืดแล้ว นักโทษ 2 คนเริ่มฟิวส์ขาดไม่ยอมขอให้ปล่อยขอรถยนต์อย่างเดียว สุดท้ายจึงผละจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมาไม่ยอมเจรจา ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องของผู้คุมเรือนดังขึ้น จาการพลิกศพดูพบว่า บาดแผลถูกเชือดคอ เชือดข้อมือ ถูกแทงที่หัวใจ
ชุดเคิปเวอร์ที่เฝ้าสถานการณ์อยู่จึงตัดสินใจใช้อาวุธยิง ผลคือ มีนักโทษชายเสียชีวิต 2 คน และผู้คุมเรือนจำถูกทำร้ายเสียชีวิต 1 คน ไม่สามารถช่วยเหลือผู้คุมคนนี้ได้ ซึ่งเป็นผู้คุมอยู่แดน 5 เป็นเหตุที่สุดวิสัยแล้ว ซึ่งตามหลักแล้วต้องมีการเจรจาต่อรองจนถึงมีการยอมมอบตัวแล้ว 1 คน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเหตุการณ์จะบานปลายเป็นแบบนี้
นายสมศักดิ์ รังษิโยภาสน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะดูแลครอบครัวของผู้คุมเรือนจำทั้งช่วยเหลือบุตรด้านการศึกษา ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแต่ก็เป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องทำ
ที่ผ่านมา ได้มีมาตรการป้องกันมาโดยตลอด ช่วงจังหวะเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่มีการวางแผนไว้ ปกติทางเจ้าหน้าที่ต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะช่วงวันหยุดราชการที่หยุดติดต่อหลายวันในเทศกาลนี้ ช่วงวินาทีที่นักโทษ 3 คนก่อเหตุซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย เจ้าหน้าที่ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาชีวิตของผู้คุมไว้ แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จึงจำเป็นต้องเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังจากผู้คุมถูกฆ่าเสียชีวิตทำให้กลุ่มผู้คุมที่ทราบเหตุโกรธแค้น ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจนำนักโทษออกมาทำการสอบสวน จึงถูกกลุ่มผู้คุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
