เชียงราย-สาธารณสุขเชียงรายออกโรงเตือนนักท่องเที่ยวที่ชอบกางเต็นท์นอนในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะตามป่าเขาให้ระวังโรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครัปไทฟัส หากกลับจากเที่ยวแล้วเกิดอาการเป็นไข้ให้พบแพทย์ทันที
นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในฤดูหนาวของทุกปีจะนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวตามป่าเขา และกางเต็นท์นอนพักค้างแรม และบางคนป่วยเป็นโรคสครัปไทฟัส หรือไข้รากสาดใหญ่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ถึงวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า จ.เชียงราย พบผู้ป่วยแล้ว 717 ราย โดยเฉพาะเดือน ธ.ค.พบมีผู้ป่วยแล้วกว่า 84 ราย
สำหรับสาเหตุเกิดจากการมีตัวไรอ่อนที่เป็นสาเหตุอาศัยอยู่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระรอก ฯลฯ เข้าไปกัดคน และปล่อยเชื้อที่เรียกว่าริกเก็ตเซียออกมา ทำให้ผู้รับเชื้อมีระยะฟักตัว 10-12 วัน จากนั้นจึงมีอาการปวดศีรษะ ขมับ และหน้าผาก ตัวร้อนจัด หนาวสั่น เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา ไอแห้งๆ ไต ตับ ม้ามโต ร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ ตรงบริเวณที่ถูกไรอ่อนกัดมีสีแดงคล้ำ บุ๋ม โดยไม่คันด้วย ขณะที่ผู้ป่วย 20-50% อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น การอักเสบที่ปอด สมอง ในรายที่รุนแรงหัวใจจะเต้นเร็วมาก ความดันโลหิตต่ำจนอาจช็อก และเสียชีวิตได้
นายแพทย์ชำนาญ กล่าวอีกว่า สำหรับบริเวณที่มีตัวไรชุกชุมได้แก่ บริเวณป่าโปร่ง ป่าละเมาะ บริเวณที่มีการปลูกป่าใหม่ หรือตั้งรกรากใหม่ พื้นที่ทุ่งหญ้าชายป่า หรือบริเวณมีต้นไม้ใหญ่ที่แสงแดดส่องไม่ถึง
จึงขอให้ผู้ที่จะไปกางเต็นท์นอน เก็บกวาดค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่ง และนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ ควรใส่รองเท้า ถุงเท้าที่หุ้มปลายขากางเกง และเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ ใช้ยาทากันแมลงกัดตามแขนขา หลังออกจากป่าควรอาบน้ำให้สะอาด นำเสื้อผ้าที่สวมใส่ซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้ หากกลับออกจากเที่ยวแล้วป่วยมีไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ ภายใน 2 สัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเข้าไปในป่าให้แพทย์ทราบทันทีด้วย เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพราะหากรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้