xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” พอใจศูนย์ประชุมฯ เชียงใหม่ แนะต้องเลี้ยงตัวได้-สร้างรายได้ให้ท้องถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ยิ่งลักษณ์” พอใจหลังเดินทางตรวจเยี่ยมศูนย์ประชุมฯ เชียงใหม่ ชี้ต้องช่วยเสริมสร้างรายได้ให้ภูมิภาคพร้อมทั้งต้องหารายได้เลี้ยงตัวได้ แนะให้วางแผนธุรกิจรอล่วงหน้าก่อนกฤษฎีกา “พิงคนคร” ประกาศใช้ ด้าน “ธงทอง” เผยหลัง กม.ผ่านคณะกรรมการชั่วคราวเตรียมเข้าดูแล คาดเดือน พ.ค. ปีหน้าเริ่มมีงานเข้าศูนย์ประชุมฯ

วันนี้ (26 ธ.ค.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ และหารือข้อราชการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรัฐมนตรี ข้าราชการ และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

การเดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษาในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นางสาวยิ่งลักษณ์ได้เข้ามาตรวจเยี่ยมภายในบริเวณศูนย์ประชุมฯ ซึ่งในปัจจุบันการก่อสร้างส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์แล้ว คงเหลือเพียงโครงการก่อสร้างในส่วนเพิ่มเติมที่มีกำหนดจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. 2556 ที่จะถึงนี้

อีกทั้งการหารือข้อราชการที่มีขึ้นยังเป็นการหารือถึงแนวทางการดำเนินงานของศูนย์ประชุมฯ ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และศูนย์ประชุมฯ กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะถูกควบรวมมาอยู่ภายใต้การบริหารของสำนักงานดังกล่าว โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์และคณะได้เดินเยี่ยมชมภายในบริเวณต่างๆ ของศูนย์ประชุมฯ ด้วย

นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้หารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการดำเนินการของสถาบันพัฒนาพิงคนคร ในระหว่างที่ร่างพระราชกฤษฎีกาสำนักงานพัฒนาพิงคนครกำลังอยู่ในระหว่างการทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าการก่อตั้งสถาบันพิงคนครขึ้นนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งโดยปกติแล้วในภูมิภาคนี้มีรายได้หลักส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยว แต่ช่วงระยะเวลาในการสร้างรายได้นั้นยังมีระยะเวลาสั้นแค่ 4 เดือนในช่วงไฮซีซัน จึงอยากที่จะให้สถาบันพัฒนาพิงคนครซึ่งควบรวมเอาศูนย์ประชุมฯ และเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมาอยู่ในการบริหาร รวมทั้งมีการสร้างความร่วมมือกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ สามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคได้ตลอดทั้งปี

นายธงทองกล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า หากในอนาคตสำนักงานพัฒนาพิงคนครจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมใดๆ ก็ตามขึ้นอีกนั้นทางรัฐบาลไม่ขัดข้องและยินดีให้การสนับสนุน แต่ต้องการให้ทางสำนักงานสามารถหารายได้เลี้ยงองค์กรได้อย่างเพียงพอในระยะยาวด้วย รวมทั้งการดำเนินงานจะต้องมีส่วนช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนและท้องถิ่น ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้เสนอแนะให้ทางสำนักงานพัฒนาพิงคนครพิจารณาถึงการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนในการวางแผนการดำเนินงานและสร้างรายได้ด้วย

ขณะที่ในส่วนของแผนการบริหารจัดการสำนักงานในระยะเริ่มต้นนั้น นายธงทองกล่าวว่า หลังจากที่พระราชกฤษฎีกาประกาศใช้แล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการชั่วคราวเข้ามาดูแล โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะรับผิดชอบในการรับโอนหน่วยงานต่างๆ เข้ามาสังกัดสำนักงานพัฒนาพิงคนคร รวมถึงการกำหนดข้อบังคับต่างๆ

สำหรับทำการคัดเลือกคณะกรรมการถาวรชุดแรกเข้ามาทำหน้าที่บริหารสำนักงาน ซึ่งในการนี้นายรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ว่า คณะกรรมการชั่วคราวควรจะมีการจัดทำแผนทางด้านธุรกิจควบคู่กันไปในช่วงดังกล่าวด้วย โดยเสนอให้สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและภาคเอกชนในพื้นที่ร่วมกันหาแนวทางในการวางแผนเพื่อสร้างรายได้ให้ศูนย์ประชุมฯ และหน่วยงานอื่นๆ

ทั้งนี้ นายธงทองระบุว่า ในที่ประชุมได้คาดการณ์ว่าจะสามารถจัดการประชุมครั้งแรกที่ศูนย์ประชุมฯ ได้ในเดือน พ.ค. 2556 รวมทั้งจะสามารถผลักดันให้มีการจัดงานประชุมภายในศูนย์ประชุมฯ ได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกคงจะให้ความสำคัญในเรื่องของการเตรียมการต่างๆ ก่อน นอกจากนี้ยังได้เสนอให้สร้างความเชื่อมโยงระหว่างศูนย์ประชุมฯ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ในด้านการทำการตลาดด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีพิจารณาถึงการเพิ่มกิจกรรมในช่วงเวลาอื่นๆ นอกเหนือจากเวลาเดิมที่มีการจัดกิจกรรมอยู่เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร

นอกจากนี้ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรียังได้เปิดเผยด้วยว่า จากการตรวจเยี่ยมจุดต่างๆ ภายในศูนย์ประชุมฯ นั้นนายกรัฐมนตรีมีท่าทีพอใจกับผลการดำเนินงานก่อสร้าง พร้อมทั้งยังได้แนะนำฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้พยายามจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์ประชุมฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของศูนย์แสดงสินค้าเอสเอ็มอีเพื่อให้ศูนย์ประชุมฯ มีส่วนช่วยสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง







กำลังโหลดความคิดเห็น