ศูนย์ข่าวนครราชสีมา -“หลวงพ่อคูณ” อาการอาพาธล่าสุดไม่ดีขึ้น ไข้กลับมาอีก มีเสลดเสมหะมากและสีขุ่นขึ้น แพทย์ห่วงเฝ้าระวังติดตามอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินอาการทุกชั่วโมง หวั่นไข้เกิดจากการติดเชื้อซ้ำซ้อนเข้าไปใหม่ในระบบทางเดินหายใจ เร่งเก็บตัวอย่างเสลดเสมหะตรวจห้องแล็บ เผยขอดูสถานการณ์วันต่อวันก่อนตัดสินใจย้ายหลวงพ่อคูณไปรักษา รพ.ศิริราช กรุงเทพฯ
วันนี้ (24 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณว่า เช้าวันนี้หลวงพ่อคูณมีไข้ต่ำๆ วัดได้ 37.5-38 องศาเซลเซียส แต่ยังรู้ตัว รู้เรื่อง เสมหะกับเสลดมีเยอะขึ้นและสีดูขุ่นมากขึ้น
คณะแพทย์ได้ประเมินดูว่าการที่ไข้กลับมาอีกมาจากการติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งตอนนี้กำลังเฝ้าระวังติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ประเมินกันทุกชั่วโมง แต่เท่าที่ตรวจเบื้องต้นทั้งการตรวจปอดนั้นก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงชัดเจน ผลเอกซเรย์ปอดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากครั้งล่าสุดที่ทำการเอกซเรย์ โดยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี และผลการตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจดูการติดเชื้อก็ยังไม่เห็น
“ตอนนี้อยู่ในช่วงการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะแพทย์เรากังวลว่าถ้าหลวงพ่อเป็นไข้จริงจะต้องรีบให้การรักษา โดยเฉพาะเป็นเรื่องที่ติดเชื้อซ้ำซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย” นพ.พินิศจัยกล่าว
นพ.พินิศจัยกล่าวอีกว่า ตอนนี้ทางทีมแพทย์ได้เก็บตัวอย่างของเสลดเสมหะไปตรวจ และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยจัดทีมแพทย์สลับกันมาดูทุกชั่วโมง และล่าสุดวัดไข้อยู่ที่ 36.8 องศาเซลเซียส เหมือนจะไม่มีไข้ แต่หายใจเร็วขึ้น ซึ่งอาจมาจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้โคราชอากาศหนาว และเป็นเรื่องปกติที่เวลาอากาศเปลี่ยนแปลงหลวงพ่อมักจะมีปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบนี้
ทั้งนี้ ผลการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการจะรู้ผลอีก 3 วัน แต่ตอนนี้ต้องหาสาเหตุก่อนว่าไข้ของท่านเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่ หากติดเชื้อแล้วจุดไหน ซึ่งเราสงสัยว่าจะติดเชื้อทางเดินหายใจมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม อาการเป็นไข้นั้นไม่จำเป็นต้องเกิดจากการติดเชื้อเสมอไป ซึ่งอาการหลวงพ่อคูณเองก็ยังสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุมาจากอะไร และท่านหยุดรับยาฆ่าเชื้อมานานกว่า 10 วันแล้ว หากติดเชื้อซ้ำซ้อนซึ่งเป็นเรื่องที่คณะแพทย์กลัว อย่างที่ได้ให้ข้อมูลแก่ประชาชนมาโดยตลอดว่าหลังจากที่หยุดให้ยาฆ่าเชื้อแล้วจึงยังต้องเฝ้าดูภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะทางปอดในเรื่องของการติดเชื้อซ้ำซ้อนเข้าไปใหม่ ถึงต้องงดเยี่ยมและให้ท่านได้พักอยู่ในโรงพยาบาลก่อน
ต่อข้อถามหากเป็นการติดเชื้อซ้ำซ้อนเข้าไปใหม่จำเป็นต้องย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หรือไม่นั้น นพ.พินิศจัยกล่าวว่า ในเบื้องต้นคิดว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้น และถ้าเป็นการติดเชื้อเข้าไปใหม่คงจะให้การรักษาตามแนวทางซึ่งเราได้ปรึกษาทางโรงพยาบาลศิริราชมาโดยตลอดอยู่แล้ว ส่วนจะย้ายไม่ย้ายก็คงแล้วแต่สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน
