รวบชาวพม่าพกดอลลาร์เก๊ ใช้รถเถื่อนทะเบียนปลอม อ้างชื่อนายพลใหญ่เบ่งคับชายแดนแม่สอด

ตาก - เจ้าหน้าที่รวบชาวพม่า ควงสาวไทยพกดอลลาร์ปลอมเกือบครึ่งล้าน ชอปรถมือ 2 ชายแดนพม่า แต่มีเรื่องกับ จนท.รปภ.คลังสินค้าจนถูกจับตรวจสอบ พบใช้รถเถื่อน-ทะเบียนปลอม แถมอ้างชื่อนายทหารใหญ่เมืองกรุงข่มขู่ไปทั่ว

วันนี้ (23 ธ.ค.) พ.ต.ท.วฤทธิ์ ชุ่มเย็น พนักงานสอบสวน (สบ 3) ทำหน้าที่สารวัตรเวร สภ.แม่สอด จ.ตาก ได้จับกุมนายหม่องอูหร่าย สัญชาติพม่า และหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง ชื่อเล่นว่าพลอย พร้อมด้วยของกลางรถยนต์แวน ยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ หมายทะเบียน ฏม 2739 กทม. และธนบัตรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 450,000 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ผู้ต้องทั้ง 2 คนได้เดินทางไปยังท่าขนส่งสินค้า คลัง 9 บ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด เพื่อไปดูสินค้ารถยนต์มือ 2 จากประเทศญี่ปุ่น แต่ระหว่างการนำรถยนต์ไปจอดนั้นได้มีปัญหากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในท่าขนส่งสินค้า เมื่อนายหม่องอู หร่าย ไปจอดรถยนต์ขวางถนน แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยให้ย้ายรถ ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท

โดยในระหว่างที่ทะเลาะกันนั้น ผู้ต้องหาชาวพม่าได้แสดงตนแอบอ้างเป็นนายทหารยศนายพลนายหนึ่งที่ กทม. จากนั้น นายชัยรัตน์ วีระสมเกียรติ อายุ 50 ปี ผู้ดูแลคลังสินค้าเข้าไปไกล่เกลี่ย และเรียกทางตำรวจจุดตรวจ 407 เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 และทหารพราน ที่ประจำชายแดนไทย-พม่าไปตรวจสอบระงับเหตุ แต่ชาวพม่ารายนี้ยังคงแสดงตนว่าเป็นคนใหญ่คนโต และอ้างชื่อผู้ใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไป สภ.แม่สอด ดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลในการตรวจสอบรถยนต์ของนายหม่องอู หร่าย พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้จำหน่ายไปยังต่างประเทศแล้ว ส่วนเลขทะเบียนที่ใช้อยู่เป็นทะเบียนที่ปลอมแปลงขึ้นมาเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ และยังพบธนบัตรดอลลาร์ปลอม จำนวน 450,000 ดอลลาร์ในกระเป๋าถือสีดำของนายหม่องอู หร่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และสื่อมวลชน รวมทั้งทนายความ เพราะหลังทางตำรวจ สภ.แม่สอดได้ประสานแจ้งให้ไปร่วมสังเกตการณ์ และตรวจสอบ เพราะว่านายหม่องอู หร่าย ได้แสดงตนรู้จักผู้ใหญ่ ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผล และสอบปากคำนายหม่องอู หร่ายนั้น มีนายพลทหารนอกราชการนายหนึ่ง โทร.เข้าไปคุยกับนายหม่องอูหร่าย และยังขอคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบเงินดอลลาร์สหรัฐว่าเป็นของจริงหรือไม่ โดยผลการตรวจสอบพบว่า เป็นเงินดอลลาร์ปลอม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าฝ่ายผู้ต้องหาอาจจะนำเงินดอลลาร์ไปใช้ก่อนหน้านี้แล้ว