บุรีรัมย์ - อ่างเก็บน้ำสำคัญ 2 แห่ง แหล่งน้ำดิบผลิตประปาป้อนเมืองบุรีรัมย์ลดต่ำอยู่ในขั้นวิกฤต ชลประทานระดมเครื่องจักรเร่งขุดลอกเปิดทางน้ำเพื่อผันน้ำจากอ่างใกล้เคียงมาเติมสำรองไว้เป็นน้ำดิบผลิตประปา พร้อมประกาศงดปล่อยน้ำทำนาปรัง และปลูกพืชฤดูแล้ง หวั่นไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค
วันนี้ (19 ธ.ค.) นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำรถแบ็กโฮมาขุดลอกผักตบชวา และวัชพืชจำนวนมากที่ขวางคลองส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด เพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร หลังประสบปัญหาภัยแล้งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากลดต่ำลงเหลือเพียงร้อยละ 54 หรือ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณความจุอ่างกว่า 26 ล้านลูกบาศก์เมตร
ชลประทานมีเป้าหมายจะสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดมาสำรองเพิ่มเติมในอ่างห้วยจระเข้มากอีก 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอในการผลิตประปา เพราะแต่ละวันต้องใช้น้ำดิบผลิตประปามากถึงวันละกว่า 28,000 ลูกบาศก์เมตร จากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการสูบผันน้ำจากลำน้ำมาศ ระยะทางยาวกว่า 16 กิโลเมตร เพื่อมาเติมสำรองในอ่างแล้วกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ขณะนี้มีน้ำกักเก็บในอ่างเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54 จากที่ก่อนหน้านี้มีน้ำกักเก็บเพียงร้อยละ 49 เท่านั้น
ส่วนอ่างเก็บน้ำสำคัญอีกแห่งที่น่าห่วงคือ อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาบริการประชาชนในเขต อ.กระสัง ขณะนี้มีน้ำกักเก็บอยู่เพียง 3.9 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 13.5 ล้านลูกบาศก์เมตร จากกรณีดังกล่าวจึงได้ประกาศงดปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนาปรัง และปลูกพืชฤดูแล้ง พื้นที่รอบอ่างทั้ง 2 อ่างกว่า 3,000 ไร่ เพราะเกรงจะไม่มีน้ำดิบผลิตประปาบริการประชาชนได้ตลอดทั้งปี
นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวอีกว่า อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาบริการประชาชนในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ และ อ.ห้วยราช กว่า 23,000 ครัวเรือน แต่ละวันต้องใช้น้ำดิบผลิตประปาถึง 28,000 ลูกบาศก์เมตร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงขอร้องให้ประชาชนได้ใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำด้วย
