บุรีรัมย์ - ชลประทานบุรีรัมย์งดปล่อยน้ำปลูกพืชฤดูแล้ง หวั่นน้ำดิบไม่พอผลิตประปาบริการประชาชน หลังอ่างและฝายหลายแห่งมีปริมาณน้ำน้อย ขณะจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 16 อำเภอ นาข้าวขาดน้ำแห้งตายเสียหายกว่า 200,000 ไร่ เกษตรกรเดือดร้อนกว่า 26,000 ราย
วันนี้ (30 ต.ค.) นายยงศักดิ์ ประภาพันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่อยู่ในความดูแลทั้งจังหวัดบุรีรัมย์จำนวน 22 แห่ง มีน้ำกักเก็บอยู่เฉลี่ยร้อยละ 72 ของปริมาณความจุอ่างทั้งหมดกว่า 298 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีอ่างเก็บน้ำหลายแห่งที่มีปริมาณน้ำกักเก็บไม่ถึงร้อยละ 50 ของปริมาณความจุ เนื่องจากประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง และฝนไม่ตกในพื้นที่รับน้ำ
จากกรณีดังกล่าวทางชลประทานจึงได้งดปล่อยน้ำให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำที่จะต้องใช้เป็นน้ำดิบในการผลิตประปา เพราะเกรงจะไม่มีน้ำดิบผลิตประปาบริการประชาชนได้ตลอดทั้งปี พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือเกษตรกรให้งดเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำมาก แล้วหันมาปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อยแทน เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้งนี้
นายยงศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาบริการประชาชนในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ และ อ.ห้วยราช ขณะนี้ทางโครงการชลประทานจังหวัดก็ได้ทำการสูบผันน้ำจากลำน้ำมาศ ระยะทางยาวกว่า 16 กิโลเมตร เพื่อมาเติมสำรองในอ่างแล้วกว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ขณะนี้มีน้ำกักเก็บในอ่างเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49 แล้ว จากที่ก่อนหน้านี้มีน้ำกักเก็บเพียงร้อยละ 45 เท่านั้น และชลประทานยังมีเป้าหมายจะสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดมาสำรองเพิ่มเติมในอ่างห้วยจระเข้มากอีก 4 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้มีน้ำดิบเพียงพอในการผลิตประปา เพราะแต่ละวันจะต้องใช้น้ำดิบผลิตประปามากถึงวันละกว่า 20,000 ลูกบาศก์เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ขณะนี้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 16 อำเภอ มีพื้นที่นาข้าวได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งแห้งตายเสียหายแล้วกว่า 204,000 ไร่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกว่า 26,000 ไร่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ เพื่อพิจารณาช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ
