กาฬสินธุ์ - สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์เหลือน้อย ล่าสุด ปริมาณน้ำเพียง 458 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 23 ส่งผลให้จังหวัดประกาศให้เกษตรกรหยุดเสี่ยงเพาะปลูกข้าวนาปรังเนื่องจากเหลือปริมาณน้ำที่ใช้การได้เพียง 358 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ผลผลิตทางการเกษตรล่าสุดได้รับผลกระทบ 205,423 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 135,547 ไร่
ปัญหาความแห้งแล้งยาวนานที่ปกคลุมพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ล่าสุดมีรายงานจากเขื่อนลำปาวพบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยละ 23 หรืออยู่ที่ 458 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากปริมาณกักเก็บที่ 1,980 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เหลือน้ำที่ใช้การได้เพียง 358 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะทำให้เกษตรกรในพื้นที่ชลประทานเกิดปัญหามีน้ำใช้ไม่เพียงพอ ต้องหยุดเสี่ยงทำการประมงโดยเฉพาะกุ้งก้ามกราม
นายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นภัยธรรมชาติที่เลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งปริมาณแหล่งน้ำดิบตามธรรมชาติก็เหลือน้อยไม่ถึงร้อยละ 25 ในกลุ่มอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 13 แห่ง จึงทำได้เพียงประคองให้ประชาชนมีน้ำใช้อุปโภคบริโภค และหากเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเข้าสู่หน้าหนาวในพื้นที่อาจจะไม่มีฝน เกษตรกรพื้นที่ชลประทานจึงไม่ควรเสี่ยงจะทำนาปรังเพราะจะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ
เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือให้นายอำเภอทั้ง 18 แห่งเตรียมให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเน้นให้ทุกครัวเรือนมีน้ำใช้ และสามารถร้องขอไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เป็นการเบื้องต้น สำหรับความเสียหายด้านพืชจากภัยแล้ง เบื้องต้นจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับผลกระทบภัยแล้ง 10 อำเภอ 14,751 ครัวเรือน พื้นที่ประสบภัย 205,423 ไร่ และคาดว่าจะเสียหาย 135,547 ไร่ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน และยังทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นด้วย