ลำปาง - สาวลำปางยอมถอนแจ้งความคดี 3 หนุ่มบึ่งปิกอัพปาดหน้าเก๋งเพื่อนสาว ก่อนลงมือฉุดขึ้นรถกลางวันแสกๆ เผยเป็นแฟนเก่ากัน แต่ฝ่ายชายไปมีลูกกับหญิงอื่น พ่อ-แม่ให้เลิกกันแล้ว พยายามติดต่อคืนดีไม่ได้ผล จนเห็นนั่งรถเพื่อนเลยก่อเหตุ อ้างแค่จะพาไปพูดคุยเท่านั้น
วันนี้ (19 ธ.ค.) พ.ต.ท.ดุสิต ศรีจันทร์ รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายจุฑาวัฒน์ กันทะวงค์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 307/50 หมู่ 2 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง นายวิษณุ คำแสง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/5 ถนนเจริญวิทยา ต.สบตุ๋ย อ.เมือง ลำปาง และนายพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ก่อคดีอุกอาจฉุดนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ขึ้นรถแล้วหลบหนี จนต้องระดมกำลังไล่ล่าจนจับกุมได้ภายในหมู่บ้านสันติภาพ ซอย 7 อ.เมือง เหตุเกิดวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายวิษณุคนที่ก่อเหตุเคยเป็นแฟนกับ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ที่ถูกฉุดขึ้นรถไป ต่อมา นายวิษณุไปมีผู้หญิงอื่น จนกระทั่งมีลูก ทำให้พ่อแม่ น.ส.บีให้เลิกกัน หลังจากนั้น น.ส.บีก็ไม่ได้ติดต่อกับนายวิษณุอีก แม้ว่านายวิษณุจะพยายามโทรศัพท์มาหา แต่ น.ส.บี ก็ไม่รับสาย ทำให้นายวิษณุไม่พอใจ และต้องการสอบถามถึงสาเหตุที่ไม่รับโทรศัพท์
ประกอบกับวันที่ก่อเหตุ ขณะที่นายวิษณุนำเต็นท์มาส่งคืนที่องค์การบริหารส่วนตำบลต้นธงชัย ซึ่งระหว่างที่จะเดินทางกลับ เห็นรถเก๋งที่ขับผ่านมาจำได้ว่าเป็นรถเพื่อน น.ส.บี และบังเอิญเห็น น.ส.บีนั่งมาด้วย จึงได้ขับรถขวาง และให้จอดรถ เมื่อรถของเพื่อน น.ส.บี จอด ด้วยความโมโหจึงลงมือทำลายรถ และดึงตัว น.ส.บีออกมา เพื่อจะพาไปพูดคุยกันเท่านั้น แต่เรื่องกลับบานปลาย ส่วนอาวุธปืนยาวใช้ยิงจุกยางที่พบในรถเป็นของนายวิษณุ เนื่องจากนายวิษณุมีอาชีพรับจัดงานตามสถานที่ต่างๆ เช่น งานวัดซึ่งมีการเล่นยิงปืนอัดลม
พ.ต.ท.ดุสิต กล่าวว่า หลังจากควบคุมตัวทั้ง 3 คนมาแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันข่มขืนใจผู้ใดให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แต่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายได้มาพูดคุย และตกลงกัน โดยฝ่ายชายได้ขอโทษ และรับปากว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับ น.ส.บีอีก พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เพื่อนของ น.ส.บี ที่รถยนต์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 23,000 บาท ทางฝ่ายหญิงจึงขอถอนแจ้งความไป
“คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ ซึ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการตามความต้องการของผู้เสียหาย คือ ถอนคดีไป”
วันนี้ (19 ธ.ค.) พ.ต.ท.ดุสิต ศรีจันทร์ รอง ผกก.สส.สภ.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายจุฑาวัฒน์ กันทะวงค์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 307/50 หมู่ 2 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง นายวิษณุ คำแสง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/5 ถนนเจริญวิทยา ต.สบตุ๋ย อ.เมือง ลำปาง และนายพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ก่อคดีอุกอาจฉุดนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ขึ้นรถแล้วหลบหนี จนต้องระดมกำลังไล่ล่าจนจับกุมได้ภายในหมู่บ้านสันติภาพ ซอย 7 อ.เมือง เหตุเกิดวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายวิษณุคนที่ก่อเหตุเคยเป็นแฟนกับ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ที่ถูกฉุดขึ้นรถไป ต่อมา นายวิษณุไปมีผู้หญิงอื่น จนกระทั่งมีลูก ทำให้พ่อแม่ น.ส.บีให้เลิกกัน หลังจากนั้น น.ส.บีก็ไม่ได้ติดต่อกับนายวิษณุอีก แม้ว่านายวิษณุจะพยายามโทรศัพท์มาหา แต่ น.ส.บี ก็ไม่รับสาย ทำให้นายวิษณุไม่พอใจ และต้องการสอบถามถึงสาเหตุที่ไม่รับโทรศัพท์
ประกอบกับวันที่ก่อเหตุ ขณะที่นายวิษณุนำเต็นท์มาส่งคืนที่องค์การบริหารส่วนตำบลต้นธงชัย ซึ่งระหว่างที่จะเดินทางกลับ เห็นรถเก๋งที่ขับผ่านมาจำได้ว่าเป็นรถเพื่อน น.ส.บี และบังเอิญเห็น น.ส.บีนั่งมาด้วย จึงได้ขับรถขวาง และให้จอดรถ เมื่อรถของเพื่อน น.ส.บี จอด ด้วยความโมโหจึงลงมือทำลายรถ และดึงตัว น.ส.บีออกมา เพื่อจะพาไปพูดคุยกันเท่านั้น แต่เรื่องกลับบานปลาย ส่วนอาวุธปืนยาวใช้ยิงจุกยางที่พบในรถเป็นของนายวิษณุ เนื่องจากนายวิษณุมีอาชีพรับจัดงานตามสถานที่ต่างๆ เช่น งานวัดซึ่งมีการเล่นยิงปืนอัดลม
พ.ต.ท.ดุสิต กล่าวว่า หลังจากควบคุมตัวทั้ง 3 คนมาแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันข่มขืนใจผู้ใดให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แต่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายได้มาพูดคุย และตกลงกัน โดยฝ่ายชายได้ขอโทษ และรับปากว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับ น.ส.บีอีก พร้อมกับชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เพื่อนของ น.ส.บี ที่รถยนต์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 23,000 บาท ทางฝ่ายหญิงจึงขอถอนแจ้งความไป
“คดีดังกล่าวสามารถยอมความได้ ซึ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการตามความต้องการของผู้เสียหาย คือ ถอนคดีไป”