ราชบุรี - เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่นํ้าภาชี เมืองราชบุรี เข้าตรวจสอบซากกวางถูกคนใจร้ายยิงตายในเขตป่าโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เวลา 10.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่นํ้าภาชี นายทรงฉัตร ประคัลภานนท์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาประทับช้าง เจ้าหน้าที่ตํารวจตระเวนชายแดนที่ 137 อําเภอสวนผึ้ง ตํารวจภูธร สภ.สวนผึ้ง และกลุ่มคนรักเขากระโจม ได้เข้าตรวจสอบซากกวางป่า เพศเมีย อายุประมาณ 4 ปี นํ้าหนักประมาณ 130 กิโลกรัม ถูกคนลักลอบยิงตายในเขตป่าโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หมู่ที่ 3 บ้านผาปกค้างคาว ตําบลสวนผึ้ง อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
โดยทาง พ.ต.ท.วิโรจน์ สุขเสริม ผู้กำกับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 137 อำเภอสวนผึ้ง ได้รับแจ้งจากกลุ่มคนรักเขากระโจมว่า พบซากกวางดังกล่าวอยู่บริเวณเชิงเขาเส้นทางขึ้นเขากระโจม บริเวณช่องเขาขาด ใกล้น้ำตกผาแดง ห่างจากถนนทางขึ้นเขากระโจมประมาณ 30 เมตร และอยู่ห่างจากจุดทับทิมสยาม หรือเนิน 1,000 ฐานปฏิบัติการตํารวจตระเวนชายแดนที่ 137 เพียง 4 กิโลเมตร ที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทะเลหมอก
นายวิชา น้วมโพธิ์ อายุ 56 ปี กลุ่มคนรักเขากระโจม กล่าวว่า เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับสัตว์ตายมา 2 วันแล้ว สงสัยว่าเป็นสัตว์ป่าตาย จึงได้ร่วมกับกลุ่มออกตามหากลิ่นดังกล่าวตลอดทั้งวัน จนพบซากกวางตายดูจากบาดแผลเหมือนกับถูกอาวุธปืนยิงที่บริเวณลำตัว ตายมาประมาณ 4 วัน สภาพมีแมลงวันตอม ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบและเข้าไปตรวจสอบ
สําหรับกวางฝูงนี้เป็นกวางม้าที่เดินกินโป่งเทียมที่ทางเจ้าหน้าที่เคยทำไว้บริเวณช่องทางน้ำตกผาแดง ทุกวันกวางม้าฝูงนี้ ซึ่งมีประมาณ 200-250 ตัว จะมากินโป่งกันตอนกลางคืน ส่วนจุดที่พบกวางม้าตายจะห่างจากจุดที่กินโป่งเทียมประมาณ 1 กิโลเมตร น่าจะมีการลักลอบเข้าไปยิงกวางเพื่อการค้า เนื่องจากช่วงนี้อยู่ระหว่างที่ลูกไม้ออกผล อย่างมะขามป้อม ออกลูกเต็มต้นคนที่เข้ามาลักลอบซุ่มยิงสัตว์ป่าก็จะรู้เส้นทางเดินของสัตว์ และมาคอยซุ่มยิง เพื่อนําไปขายให้แก่ร้านอาหาร แต่เนื่องจากยิงไม่โดนจุดสําคัญ ทำให้กวางได้รับบาดเจ็บแล้ววิ่งหนีขึ้นภูเขาจนมาตาย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่นํ้าภาชีได้ตรวจสอบรอยวิถีกระสุน พบว่า บริเวณชายโครงด้านขวามีรูกระสุนลึกประมาณ 2 ฟุต แต่ที่ลําคอนั้นเป็นรอยกระสุนจํ้าๆ ไม่เข้าเนื้อ กระสุนไม่เข้าจุดสําคัญ จึงสามารถวิ่งไปได้ไกล หรืออยู่ได้อีกหลายชั่วโมงถึงล้มตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันบันทึกก่อนจะใช้นํ้ามันดีเซลราดเพื่อดับกลิ่น แล้วนําซากกวางลงมาตรวจสอบวิถีกระสุน จากนั้นจะให้ทางป่าไม้นําซากกวางไปทําลายตามวิธีการ
ขณะเดียวกัน ทางตํารวจตระเวนชายแดนที่ 137 ได้ตั้งจุดสกัดตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมล่าสัตว์ป่า คนในหมู่บ้านใกล้เคียงที่ลักลอบไปยิงกวางตาย เพื่อนําไปขายให้แก่ร้านขายอาหารป่าซึ่งมีอยู่หลายแห่งในจังหวัดราชบุรี
ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.สวนผึ้ง จะได้ออกสืบสวนหาข่าวในหมู่บ้านเพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ในเขตป่าโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาต่อไป