พระนครศรีอยุธยา - สุดสลด! ชายวัย 51 ปีชาวกรุงเก่าถูกรถชนถึง 2 ครั้งจนตาบอด ขาหัก อยู่กับแม่วัย 77 ปีเพียงลำพัง อาศัยแค่เบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท และเงินช่วยเหลือจากทหารผ่านศึกอีกแค่ 2,680 บาทเลี้ยงชีพ วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (14ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ทราบข่าวจากชาวบ้านว่า มีคนพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง และขาด้านซ้ายพิการจากอุบัติเหตุรถชนแล้วหนี ต้องอาศัยอยู่กับแม่วัย 77 ปีเพียงลำพัง เลี้ยงชีพด้วยเงินคนพิการ และเงินช่วยเหลือจากทหารผ่านศึกอย่างลำบาก จึงได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 55 ม.1 ต.บ้านม้า อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงหลังคามุงด้วยสังกะสี มีชายคนหนึ่งกำลังเดินใช้ไม้เท้าเดินคลำทางอย่างน่าเวทนา ทราบชื่อคือ นายสงัด สุขสุโชติ อายุ 51 ปี อาศัยอยู่กับแม่คือ นางฟื้น สุขสุโชติ อายุ 77 ปี ในบ้านหลังดังกล่าว
นายสงัด เล่าว่า เดิมตนเป็นทหารผ่านศึกไปรบที่ประเทศเวียดนาม และปลดประจำการมาแล้วประกอบอาชีพขับรถไปรับกุ้งที่ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร แล้วนำไปส่งที่สะพานปลา กทม. จนกระทั้งวันที่ 8 มี.ค.2541 ได้ขับรถนิสสัน บิ๊กเอ็ม ไปซื้อกุ้งที่มหาชัย ตอนประมาณ 02.00 น. ได้มีรถ10 ล้อพุ่งชนรถคันที่ตนขับมาบนถนนพระราม 2 เขตบางมด หน้าวัดกำแพงจนเป็นเหตุให้ตนต้องพิการทางสายตา ส่วนคนขับรถหลบหนี แล้ว ส.ส.นามสกุลดังในจังหวัดเพชรบุรีได้มานำรถ 10 ล้อที่ชนตนไปแล้วให้เงินช่วยเหลือตนเพียง 2,000 บาท และบอกว่า ค่าเสียหายให้บริษัท รัตนโกสินทร์ ประกันภัย เป็นคนรับผิดชอบ
หลังจากนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้บริษัท รัตนโกสินทร์ ประกันภัย จ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 1 แสนบาท แต่ได้รับเงินแค่ 27,000 บาท และบอกให้รอเงินส่วนแบ่ง จนกระทั่งบริษัทประกันดังกล่าวปิดกิจการ ตนจึงไม่ได้รับเงินที่เหลืออีกเลย ต้องกู้หนี้ยืมสินจากเพื่อนๆ และญาติพี่น้องมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นอีก 3 ปี ขณะที่ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเพื่อไปเดินเรื่องเงินค่าเสียหาย ขณะนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปที่ในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รถจักรยานยนต์รับจ้างก็ได้ไปชนกับรถปิกอัพอีก จนตนขาด้านซ้ายหัก แต่ทางคนขับก็ไม่ได้รับผิดชอบแม้แต่บาทเดียว
“ผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่อย่างลำบาก เพราะตาทั้งสองข้างมองไม่เห็นต้องใช้ไม้เท้าคลำทาง เวลาจะกินข้าว หรือเข้าห้องน้ำก็มีแม่ที่อายุมากแล้วคอยช่วยเหลือประคอง และไม่สามารถประกอบอาชีพอะไรได้ ต้องอาศัยเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ 500 บาท และเงินช่วยเหลือจากนิคมเกษตรกรรมทหารผ่านศึกพิการ อ.บางไทร เดือนละ 2,680 บาท เท่านั้น”
นางฟื้น กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมากที่ลูกต้องมาเป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นเสาหลักของบ้าน คอยทำงานหารายได้มาเลี้ยงแม่ หลังจากที่รถชนจนตาพิการ ภรรยาเขาก็หนีไปมีสามีใหม่แล้วยังมาถูกรถชนซ้ำอีกครั้งจนขาหัก ต้องเป็นคนพิการการทั้งขาหัก และตาบอด ทุกวันนี้ เป็นห่วงเขามากเพราะว่าแม่ก็อายุมากแล้วตอนแม่ยังมีชีวิตก็สามารถเลี้ยงดูเขาได้หุงข้าว หาปลา จัดที่หลับที่นอนให้ได้ แต่ถ้าหากแม่ตายก่อนแล้วใครจะดูแลเขา จึงเป็นห่วงลูกมาก
“จึงอยากจะวอนผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานใดที่สามารถติดตามเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่ขับรถชนแล้วหนีได้เงินพอได้มีไว้เลี้ยงชีพวันต่อไปข้างหน้าได้ในวันหนึ่งที่ไม่มีแม่อยู่คอยดูแล” นางฟื้นเล่าน้ำตาคลอไปด้วย