รวบโจ๋นามสกุลดังเมืองมหาสารคามพร้อมยาบ้าพันเม็ด

มหาสารคาม-ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม จับวัยรุ่นนามสกุลดัง ค้ายาบ้ากว่า 1,000 เม็ด ขณะที่ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม เผยเอเยนต์ยาบ้าเกือบทุกรายที่จับได้ พกพาอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา เตือนเจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการตรวจค้นจับกุม

วันนี้ (8 พ.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม(ผบก.ภ.จว.) พ.ต.อ.ชัยญัติ สายถิ่น รอง ผบก.ภ.จว.มหาสารคาม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดและงานจราจร แถลงข่าวจับกุม นายสมจิตร ณ บางช้าง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/2 ซอยมหาชัยดำริห์ 10 ถนนมหาชัยดำริห์ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 1,230 เม็ด อาวุธปืนพกสั้นขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 22 นัด และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น คลิก สีแดง - ดำ ไม่ติดหมายเลขทะเบียน 1 คัน

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจรได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณถนนถีนานนท์ ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยได้เรียกรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่านายสมจิตรมีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นอย่างละเอียด

ผลการตรวจค้น พบของกลางยาบ้าจำนวน 1,230 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ช่องเก็บของใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาและพบอาวุธปืน เหน็บอยู่เอวด้านหน้าข้างขวาของ นาย สมจิตร ก่อนนำตัวมาสอบสวนต่อ ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม

ผู้ต้องหารับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดรับซื้อมาจาก นายโชค ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในราคาเม็ดละ 125 บาท และจะจำหน่ายให้กับนิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในราคาเม็ดละ 250 - 300 บาท ส่วนอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนตนนำยาบ้าจำนวน 100 เม็ด ไปแลกมาจากเพื่อนอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนที่จะมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว

พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวเพิ่มเติมว่า นายสมจิตร เคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด และเพิ่งพ้นมาเมื่อเดือนธันวาคม ปี 54 และหวนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก โดยในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ค้ารายย่อยไม่ใช่รายใหญ่ ส่วนมากผู้ค้าจะนำมาจำหน่ายให้กับนิสิต นักศึกษาในเขตอำเภอเมืองมหาสารคาม และอำเภอกันทรวิชัย

นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้ค้ายาบ้า ยังได้มีการพัฒนาขึ้น โดยเกือบทุกรายที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ จะมีปืนพกติดตัวตลอดเวลา เพื่อไว้ป้องกันตัวและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้แจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ. ให้มีความระมัดระวังในการเข้าตรวจค้นยาเสพติดให้มากขึ้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พา พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป