ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พระสงฆ์ และศิษยานุศิษย์เดินทางมาลงนามสมุดเยี่ยม “หลวงพ่อคูณ” ต่อเนื่อง บางคนถึงหลั่งน้ำตาบอกสงสารอยากให้หายอาพาธกลับวัดบ้านไร่โดยเร็ว ขณะทีมแพทย์เข้าตรวจอาการละเอียดอีกครั้ง เผยอาการโดยรวมและปอดดีขึ้น 70% ยอมรับป้องกันสำลักซ้ำอีกได้ยากเหตุอายุมากและเป็นโรคทางสมองทำให้กลไกการควบคุมเสีย ย้ำ 17 ธ.ค.หารือลูกศิษย์เพื่อเตรียมการร่วมกันก่อนนิมนต์กลับวัดบ้านไร่
วันนี้ (11 ธ.ค. ) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นห้องพักรักษาอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ทีมแพทย์ที่ให้การรักษาอาการอาพาธ นำโดย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด หัวหน้าศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุกรรมโรคปอด, นพ.ธนากร อนันตเศรษฐกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ, นพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง, พญ.วิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคติดเชื้อ และ พญ.นิรดา ศิริยากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมโรคติดเชื้อ ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณเพื่อประเมินอาการร่วมกันอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพแต่อย่างใดเพื่อป้องกันไม่ให้หลวงพ่อติดเชื้อเพิ่มเติม
นพ.พินิศจัยกล่าวว่า อาการหลวงพ่อคูณจนถึงขณะนี้ถือว่าดีขึ้น ไม่มีไข้ มีการตื่นตัว รู้ตัวดีขึ้น พูดคุยได้มากขึ้นกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังเพลียและเหนื่อยอยู่ รับสารอาหารเหลวทั้ง 5 หมู่ได้เต็มที่ ภาวะน้ำตาลในเลือดเริ่มลดลง ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าดีขึ้น 70% ส่วนปอดเท่าที่คณะแพทย์ทั้งหมดประเมินกันดูเหมือนว่าพยาธิสภาพในปอดเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เทียบแล้วถือว่าดีขึ้นถึง 70% เป็นที่น่าพอใจของคณะแพทย์
ส่วนการรักษายังยืนยันในแนวทางเดิมคือให้ยาปฏิชีวนะตัวเดิม และรักษาแบบประคับประคอง ให้ยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทั้งทางปอดและในระบบอื่นๆ และในวันจันทร์ที่ 17 ธ.ค. 55 นี้ทีมแพทย์จะมีการประเมินอาการทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อพิจารณานิมนต์ท่านกลับวัดบ้านไร่ ส่วนจะได้กลับวัดก่อนปีใหม่หรือหลังปีใหม่นั้นคิดว่าคงต้องมีการปรึกษาหารือกับทางลูกศิษย์ด้วย แต่หากอาการยังเป็นเช่นนี้คิดว่าท่านจะเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
“สำหรับการป้องกันการสำลักเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นมาอีกนั้น ทุกวันนี้เราก็พยายามอย่างที่ดีสุด แต่ต้องเรียนว่าอันหนึ่งที่เราไม่สามารถไปป้องกันหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็คืออายุของท่านและพยาธิสภาพโรคประจำตัวท่าน โดยเฉพาะโรคทางสมอง อย่างพวกเราหากเกิดการสำลักจะมีกลไกไม่ให้สิ่งที่เราสำลักลงไปปอดได้ แต่หลวงพ่อคูณกลไกพวกนี้เสียไปหมดแล้ว และเวลาที่ท่านสำลักอย่างคราวนี้ลงไปปอดเกือบหมด โดยเฉพาะสำลักเอากรดน้ำย่อยในกระเพาะลงไปในปอดจึงทำให้อาการรุนแรง และตอนนี้ต้องขอความร่วมมือในการงดเยี่ยมต่อไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนเข้าไปอีก” นพ.พินิศจัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณหน้าห้องพักยังคงมีพระสงฆ์จากต่างอำเภอและต่างจังหวัดที่ทราบข่าวเดินทางมาเยี่ยมอาการอาพาธหลวงพ่อคูณ พร้อมลงนามในสมุดเยี่ยม และสอบถามอาการจากคณะแพทย์ที่ทำการรักษา เช่นเดียวกับศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศยังคงทยอยเดินทางมาลงนามในสมุดเยี่ยมต่อเนื่อง
ลูกศิษย์รายหนึ่งจาก อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมาถึงกับหลั่งน้ำตาและบอกว่าติดตามข่าวอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณผ่านสื่อมวลชนมาโดยตลอด วันนี้จึงถือโอกาสมากราบนมัสการท่านที่หน้าห้องห้องผู้ป่วย แม้จะทำได้แค่ส่องผ่านประตูเข้าไปก็ยังดีใจ และรู้สึกสงสารหลวงพ่อจึงร้องไห้ออกมา อยากขอให้หลวงพ่อหายจากอาการอาพาธกลับไปวัดบ้านไร่โดยเร็ว