นครราชสีมา - นักท่องเที่ยวแห่สัมผัสอากาศหนาว อ.วังน้ำเขียว โคราชคึกคัก ตลาดขายของที่ระลึกรถติดยาวเหยียด แม่ค้ายิ้มไม่หุบ บ้านพักรีสอร์ตถูกจองเต็มยาวต่อเนื่องถึงปีใหม่ ด้านประธานชมรมท่องเที่ยวคาดเงินสะพัดช่วงลองวีกเอนด์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวเย็น และรับโอโซนในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งโอโซน 1 ใน 7 ของโลกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะทางเข้าสู่ผาเก็บตะวัน ต.ไทยสามัคคี กม.79 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา รถติดขัดยาวเหยียด
ตลาดขายของที่ระลึกไทยสามัคคีคึกคักมาก สินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ได้แก่ เห็ดสามรส ไวน์องุ่น พุทรานมสด และองุ่นไร้เมล็ด ขายดีอย่างมาก แม่ค้าพ่อค้าต่างยิ้มออก มีรายได้จากการขายของฝากเป็นกอบเป็นกำ
เช่นเดียวกับบ้านพักรีสอร์ตกว่า 400 แห่งรวมกว่า 6,000 ห้อง ถูกจับจองห้องเต็มทั้งหมด และบางแห่งถูกจับจองเต็มยาวต่อเนื่องไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่
แม่ค้ารายหนึ่งในตลาดขายของฝากไทยสามัคคีกล่าวว่า วันนี้ดีใจมากที่นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียวอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เงียบเหงามานาน ขายสินค้าไม่ได้ วันนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกร้าน และอยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเช่นนี้ทุกวันเพื่อจะได้ขายสินค้าได้ดี เพราะช่วงนี้อากาศที่ อ.วังน้ำเขียวดีมาก
ด้านนายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจอย่างมากที่ช่วงนี้ อ.วังน้ำเขียวได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว 3 วันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใน อ.วังน้ำเขียวไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน ทำให้เงินสะพัดจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ห้องพักกว่า 6,000 ห้องของผู้ประกอบการทั้งบ้านพัก และโฮมสเตย์ รวมกว่า 400 รายถูกจับจองเต็มหมด และจองยาวเต็มต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่นี้ด้วย หากอากาศหนาวต่อเนื่องยาวนานคาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาเที่ยวที่ อ.วังน้ำเขียวต่อเนื่องอีก สำหรับจุดขายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือ ความเป็นธรรมชาติ อากาศดี และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้อีกหลายแห่ง
ส่วนกรณีที่มีการดำเนินคดีต่อบ้านพักรีสอร์ตที่บุกรุกพื้นที่ป่านั้น นายพงษ์เทพกล่าวว่า ในส่วนการดำเนินคดีนั้นเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น การดำเนินคดีจะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ พิสูจน์ข้อเท็จจริง พิสูจน์แนวทางตามกฎหมาย
จึงอยากวิงวอนว่าอยากให้โอกาสแก่ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้ประกอบธุรกิจอย่างปกติไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งศาลเป็นที่สุด เป็นไปอย่างไรผู้ประกอบการก็พร้อมยินดีทำตาม ขณะนี้ผู้ประกอบการก็พยามปรับปรุงสถานที่พักและการให้บริการที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขยายกิจการเพิ่มเติมในช่วงนี้
นอกจากนี้ นายพงษ์เทพยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไม่ให้ส่วนราชการเข้ามาจัดประชุมสัมมนาหรือส่งเสริมผู้ประกอบการที่บุกรุกป่าว่า เชื่อว่าการสั่งการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ และรีสอร์ตที่ศาลตัดสินไปแล้วมีเพียงไม่กี่ราย ฉะนั้นที่ยังเหลืออยู่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่ในแง่จิตวิทยามีผลแน่นอน เพราะข้าราชการต้องทำตามกฎระเบียบ มีวินัย แต่ภาคเอกชนก็คงไม่กระทบ