อุตรดิตถ์ - นักการเมืองท้องถิ่นอุตรดิตถ์ฉาวโฉ่อีกครั้ง หลังชาวบ้านแห่ร้องนายก อบต. ร่วมมือผู้ใหญ่บ้าน ยกที่ดินสาธารณประโยชน์ให้ผู้รับเหมาขุดหน้าดินขาย
รายงานข่าวจากจังหวัดอุตรดิตถ์ แจ้งว่า ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลท่าสัก อำเภอพิชัยจำนวนกว่า 20 คน นำโดย นายสุรินธร อักษรนิติ อยู่บ้านเลขที่ 78/1 หมู่ที่ 3 บ้านเต่าไหใต้ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอนุสนธิ์ ยงพานิช ปลัดอาวุโสอำเภอพิชัย
โดยระบุเนื้อหาร้องเรียน นายชัยวัฒน์ พุ่มพวง นายก อบต.ท่าสัก ได้ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน อนุญาตให้บริษัทชำนาญกิจการค้าฯ มีนายสุเทพ ชำนาญกิจ เป็นเจ้าของ เข้าทำการขุดหน้าดินที่เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของบ้านเต่าไห หมู่ที่ 3 ซึ่งแต่เดิมเป็นคลองลอย มีความสูงจากระดับพื้นดินเดิมปกติกว่า 3 เมตร ใช้สำหรับส่งน้ำเข้าพื้นที่ของเกษตรกร แต่พังเสียหายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2538 ซึ่งขณะนี้ คันคลองดังกล่าวพร้อมคลองลอยส่งน้ำได้ถูกขุดทำลายไปหมด จนกลายเป็นถนนมีความกว้างประมาณกว่า 10 เมตร ยาวกว่า 2 กิโลเมตร
หลังการขุดหน้าดินดังกล่าว ก็จะมีชาวบ้านที่มีที่นาอยู่ตามแนวคันคลองได้รับผลประโยชน์คือ มีที่ดินเพิ่มมากขึ้นประมาณ 5-6 ราย แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ หรือที่หลวงที่ชาวบ้านทุกคนมีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน
จากการสอบถามชาวบ้านต่างบอกว่า ผู้ใหญ่บ้านมีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำดังกล่าวด้วย เพราะเครื่องจักรกลที่นำเข้ามาขุดดินก็ถูกจอดไว้ในบ้านผู้ใหญ่ และดินส่วนหนึ่งก็ได้ถูกขนย้ายเข้ามาถมที่ และกองอยู่ในบ้านผู้ใหญ่บ้าน ส่วนที่เหลือก็ได้นำออกขาย หากประมาณแล้วคาดว่าหน้าจะมีดินที่ถูกขุดไปขายแล้วกว่า 600 คันรถ ที่สำคัญ ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตามแนวคันดินดังกล่าวถูกตัดโค่น พร้อมใช้เลื่อยยนต์ตัดเป็นท่อนพร้อมขนย้ายได้ทันที
ในขณะที่ชาวบ้านกำลังรอยื่นหนังสืออยู่นั้น ก็ได้มีโทรศัพท์ลึกลับโทร.เข้าไปที่โรงพักอำเภอพิชัย แจ้งบอกว่า ได้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาเพื่อขับไล่นายอำเภอพิชัย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปขับไล่กลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย
นายสุรินธร อักษรนิติ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งจากกลุ่มนายทุนดังกล่าวเพื่อขัดขวางตนไม่ให้ยื่นเรื่องร้องเรียน เพราะกลัวความผิด
ด้านนายอนุสนธิ์ ยงพานิช ปลัดอาวุโสอำเภอพิชัย ได้เรียกนายชัยวัฒน์ พุ่มพวง นายก อบต.ท่าสัก ผู้อนุญาตให้มีการขุดหน้าดินดังกล่าว พร้อมกับนายสุเทพ ชำนาญกิจ เจ้าของบริษัทชำนาญกิจฯ เข้ามาสอบถาม ต่างตอบว่า แต่เดิมนั้นได้มีชาวบ้านให้เข้าไปขุดหน้าดินเพื่อขยายที่นาซึ่งก็เป็นที่มีเอกสารสิทธิถูกต้อง แต่ส่วนที่ขุดเลยเข้าไปนั้นตนเองไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้เข้าไปดูหน้างานด้วยตนเอง
นายอนุสนธิ์ จึงได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านไว้ และจะเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าหากผิดจริงก็จะทำการเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องเข้ารับผิดชอบในการกระทำดังกล่าวตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุพบว่า เครื่องจักรได้หยุดการทำงา นและขนย้ายออกไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงต้นไม้ใหญ่บางส่วนที่ถูกตัดเป็นท่อน แต่ยังไม่ทันขนย้ายออกไปกองอยู่